Dear my lucky one เทวดาที่รัก 24
นักเวทมิติคนนั้น
นักเวทมิติคนนั้น
บรึ้ม!
แบคฮยอนพยายามหลบลูกไฟที่คนรักส่งมาอย่างสุดความสามารถ ซึ่งหากห้องโล่งกว้างนี้ไม่เต็มไปด้วยตัวประกันอย่างพวกอี้ชิงและทหารระดับเอสซึ่งหมดสติอยู่ จะทำให้ง่ายกว่านี้มาก
ตอนนี้เทวดาตัวเล็กทำได้เพียงวิ่งไปทางแท่นวางจอทีวีขนาดใหญ่ถ่ายทอดภาพบุคคลสำคัญของโลก แทนที่จะวิ่งไปทางแท่นซึ่งมีตัวประกันทั้งหมดเพราะกลัวว่าอาจจะบาดเจ็บจากพลังของชานยอลเข้า
ชานยอล... แค่คิดว่าคนรักกำลังโจมตีตนเองอย่างเอาเป็นเอาตายก็ปวดหัวใจอย่างหนัก ไม่คิดเลยว่ามินซอกจะถึงขนาดจับชานยอลไปล้างสมองแล้วสั่งให้มาโจมตีเขา แบคฮยอนรู้ดีว่าพญามารไม่มีทางทำร้ายตนเองแน่ ไม่ต้องพูดถึงพวกอี้ชิงเลย หากชานยอลรู้ทีหลังว่าทำร้ายพวกอี้ชิงจะต้องเศร้าใจแน่
พลังสว่างที่เขาสั่งให้เป็นบาร์เรียคุ้มกันเริ่มอ่อนลงแล้ว หลังจากหลบลูกไฟติดต่อกันมาหลายลูก จอทีวีแตกนับไม่ถ้วน ในที่สุดชานยอลก็หยุดปล่อยลูกไฟ คงเพราะมินซอกเพิ่งเห็นว่าทีวีพังมากไปจึงได้สั่งให้หยุด แบคฮยอนยืนหอบหายใจหนักเพราะเพิ่งหายบาดเจ็บไม่นาน แผลภายนอกหายหมดก็จริงแต่คาดว่าอาการช้ำในคงไม่ฟื้นง่ายขนาดนั้น ร่างเล็กถึงกับทรุดลงนั่งกับพื้น
“เจ้าจะยอมใช้เครื่องซุปเปอร์อิลลูมิเนติหรือจะให้ข้าสั่งชานยอลอีก เลือกเอา” เสียงมินซอกยังคงราบเรียบเหมือนคนไร้หัวใจ เย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลก ช่างกัดกินหัวใจได้มากนัก แม้แบคฮยอนจะรู้ตัวดีว่าสู้ชานยอลไม่ได้ ไม่นับว่าไม่กล้าทำร้ายคนรักด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่สามารถทำเรื่องชั่วๆ อย่างใส่ความคิดให้คนนับหมื่นได้เช่นกัน
“ไม่! ปล่อยชานยอลเดี๋ยวนี้นะ” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นพูด
รู้ว่าต่อรองอาจไม่ได้ผล แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วยอมแพ้ไปดื้อๆ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดมากกว่านี้” เสียงจากลำโพงพูดให้รู้สึกสั่น ยังมีอะไรเจ็บปวดไปกว่าเพื่อนโดนจับ เพื่อนสนิทโดนล้างสมอง แถมยังต้องมาวิ่งหนีลำแสงที่ฆ่าตนได้จากคนรักอีกหรือ?
แล้วแบคฮยอนก็รู้ว่าตนคิดผิดไปถนัดเลยทีเดียว
จู่ๆ กระแสพลังขนาดใหญ่ก็เข้ามาในลักษณะตาข่ายเพลิง มันไม่ถึงกับร้อนแค่โดนแล้วชาแต่พอมาโดนทั้งตัวก็เหมือนว่าร่างกายแบคฮยอนขยับไม่ได้ ตาข่ายเพลิงคล้ายมือยักษ์สีแดงที่ทำจากไฟจับตัวเขาเอาไว้ ร่างเล็กพยายามดิ้นให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อความเจ็บปวดเริ่มเข้าแทนที่ความชา ผิวหนังของเทวดาแม้จะหนากว่ามนุษย์ก็มีรอยไหม้สีน้ำตาลเป็นริ้วขึ้นแล้ว
แบคฮยอนมองชานยอลที่ปล่อยตาข่ายเพลิงใส่เขาด้วยสีหน้าเรียบ แววตาปราศจากอารมณ์ใดๆ พาให้หัวใจปวดร้าว เมื่อครู่เขามัวแต่หลบลูกบอลเพลิงที่ชานยอลสาดมาจึงไม่ได้ดูสีหน้าอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก พอมาเห็นว่าชานยอลทำร้ายเขาจนเจ็บโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน น้ำตาก็พาลจะไหล
แต่ทำไม่ได้ ถ้าแบคฮยอนอ่อนแอ แล้วใครจะช่วยชานยอลและพวกท่านแม่ล่ะ
ในเมื่อตัวขยับไม่ได้แต่สมองไม่ได้หยุดตาม จึงพยายามเพ่งหาพลังสว่างที่ตนเองควบคุมได้ เขาพบแสงระยิบระยับอยู่รอบตัวจึงบังคับให้พวกมันเปลี่ยนเป็นพลังรักษาก่อนหนึ่งกลุ่ม ส่วนอีกกลุ่มเป็นบาร์เรียป้องกันไม่ให้ตาข่ายเพลิงทำอันตรายตนเองได้อีก เมื่อกระบวนการทั้งสองเสร็จสิ้น ร่างกายแม้จะขยับไม่ค่อยได้ก็พอหายเจ็บปวดบ้าง
จากนั้นแบคฮยอนก็ตะโกนใส่คนรักด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
“ปล่อยนะ ชานยอล!”
หนึ่งประโยคไม่ได้ช่วยให้ตาข่ายคลายตัวแต่ยิ่งรัดกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขายังพูดได้ แม้จะไม่แสบผิวแล้วแต่กระดูกและอวัยวะภายในเหมือนจะบอบช้ำไม่น้อย แบคฮยอนจึงต้องรวบรวมสติก่อนจะให้พลังสว่างทำลายตาข่ายเพลิง เส้นแสงคล้ายเลเซอร์ปรากฏขึ้นคล้ายตอนตัดเชือกมัดตัวนาอึนหากแต่คราวนี้ไม่ได้ผล ตาข่ายเพลิงนั้นไม่ได้ถูกตัดง่ายๆ
“โอ๊ย ชานยอล ข้าเจ็บ”
เมื่อชานยอลเห็นแบคฮยอนพยายามใช้เลเซอร์พลังสว่างก็เพิ่มแรงบีบให้ตาข่ายเพลิงมากขึ้นจนเทวดาตัวน้อยเผลอร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาแห่งความเจ็บไหลช้าๆ ไปตกใส่ตาข่ายเพลิงส่วนหนึ่งพร้อมกับสิ้นสุดคำว่า ‘ข้าเจ็บ’ ทำให้พญามารชะงักเล็กน้อย
แรงบีบร่างลดลงจนเกือบจะคลายเกือบทั้งหมด แบคฮยอนจึงไม่รอช้า รีบใช้โอกาสนี้พูดกับคนรัก
“ชานยอล ข้าขอโทษ ต่อไปจะไม่งี่เง่าอีกแล้ว กลับมาเถอะนะ กลับมาเป็นคนรักข้าดังเดิม”
เสียงออดอ้อนที่เคยได้ผลเริ่มทำงานเมื่อแรงรัดจากตาข่ายเริ่มหลุดจนกระทั่งแขนเขาเป็นอิสระ ร่างเล็กจึงพูดอีกเพราะหวังว่าพญามารที่รักจะกลับมาจำตนเองได้
“ข้าผิดเองที่ไม่ไว้ใจเจ้า ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะไม่รักข้าเพราะพลังของข้า ข้าผิดเอง”
แบคฮยอนถือโอกาสพูดความในใจที่เขาไม่เคยบอกกับชานยอลเพื่อหวังเรียกสติ น้ำตาตอนนี้ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดทางร่างกายแล้ว หากแต่มาจากใจที่รู้สึกผิดจริงๆ ถ้าเขาไม่เกิดความกลัวในพลังตนเองจนคิดว่าชานยอลไม่รัก ก็คงไม่ทำให้คนรักต้องมาโดนกระทำแบบนี้
มือพญามารลดลงกว่าครึ่ง ความร้อนแรงของตาข่ายเพลิงก็ลดลงจนแทบจะหมด จากตอนแรกแบคฮยอนถูกจับเอาไว้แล้วยกขึ้นลอยตอนนี้เท้าสามารถแตะพื้นได้แล้ว แสดงว่าคำขอโทษของเขาได้ผล บางทีชานยอลอาจจะถูกล้างสมองแบบอ่อนจึงยังมีสำนึกที่รักเขาอยู่ แบคฮยอนต้องพยายามอีก
แต่ทันใดนั้น
“อย่าคิดจะเกลี้ยกล่อมเขาซะให้ยาก!” เสียงจากลำโพงดังขึ้นจนแสบแก้วหู จากนั้นตาข่ายเพลิงก็ร้อนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายองศา เล่นเอาแบคฮยอนที่เผลอคลายบาร์เรียบางส่วนถึงกับร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงนั้นไม่มีผลกับพญามารแล้วเมื่อเขาถูกยกตัวขึ้นจากพื้นด้วยพลังจากตาข่ายเพลิงอีกครั้ง
“อ๊ากกกกกกกกก” แบคฮยอนร้องสุดเสียงเมื่อคราวนี้ไม่ทันตั้งตัว ทั้งถูกไฟร้อนลวกผิดหนัง ทั้งถูกแรงบีบอัดทำเอากระดูกบางส่วนลั่นดังกร๊อบ ร่างกายที่เพิ่งฟื้นเมื่อครู่เจ็บแสบไปหมด ไม่มีแรงจะพูดอะไรแล้ว
“เจ้า อึก... จำข้าไม่ได้ จริงๆ หรือ” เสียงพูดเบาๆ อย่างอ่อนแรงส่งไปหาคนรักอีกครั้ง นี่เขาจะต้องตายด้วยมือของชานยอลอย่างนั้นหรือ ชานยอลจะเสียใจไหมถ้าคืนสติมาแล้วพบว่าเป็นคนฆ่าเขาตาย
“อย่าทำให้ถึงตาย แค่บาดเจ็บจนดิ้นไม่ได้ก็พอ” เสียงเย็นชาราวน้ำแข็งยังคงส่งออกมาจากคนใบหน้าใจดีอย่างมินซอกไม่ขาดสาย แบคฮยอนแค่นยิ้ม แค่นี้เขาก็เจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว ยังจะบอกให้บีบจนบาดเจ็บแล้วดิ้นไม่ได้อีก
คราวนี้ชานยอลจึงเปลี่ยนพลังไฟในตาข่ายเพลิงเป็นตาข่ายพลังไฟฟ้าแทน เมื่อกระแสไฟนับหมื่นโวลต์ส่งมาพร้อมกัน แบคฮยอนจึงรู้ว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงเป็นอย่างไร ประกอบกับอวัยวะภายในเริ่มบอบช้ำเกินทานทนแล้ว ร่างเล็กส่งเสียงร้อง ‘อั่ก’ มาหนึ่งครั้ง
จากนั้นก็สลบไปอย่างรวดเร็ว
****lucky one and monster****
“ไม่! แบคฮยอน” ซูโฮอุทานขึ้นเมื่อเห็นหลานรักลงไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตา แขนขาทั้งสองทำท่าจะวิ่งพรวดไปหาเทวดาที่เฝ้าเลี้ยงดูทะนุถนอมมานานกว่าร้อยปี แต่กระนั้นเขากลับขยับไม่ได้
“เดี๋ยวก่อน! เจ้าอยากไปตายอีกตนรึไง” เป็นเซฮุนที่ดึงเขาไว้พร้อมกับกอดไว้แน่น แรงบีบรัดทำให้ซูโฮรู้ว่าอีกฝ่ายก็พยายามห้ามใจตัวเองอยู่ไม่น้อย มารมือขวานั้นพบกับแบคฮยอนมาตั้งแต่เจ้าตัวเล็กอายุได้แค่ไม่กี่ขวบ จะเรียกว่าความรู้สึกห่วงเทวดาน้อยไม่แพ้กันก็ว่าได้ ราชาแห่งเทพจึงได้แต่พยายามตั้งสติ ก่อนจะหันไปพูดกับเลขาพญามารถึงแผนที่นางบอกเมื่อครู่
“ซึลกิ เราจะทำอย่างไรดี” เอ่ยเสียงสั่นเครือไม่รู้ตัว ซูโฮไม่แน่ใจว่าเขาเป็นอะไรแน่ แต่สักพักก็รู้สึกว่ามีมือขาวซีดของมารขยับมาช่วยซับน้ำตาตรงข้างแก้มให้ ที่แท้เขาร้องไห้นี่เอง เป็นราชาแห่งเทพมานานจนลืมว่าตนเองร้องไห้ได้ไปแล้ว นั่นยิ่งทำให้เขาร้อนใจนัก แบคฮยอนขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งเป็นอะไร ตาของเจ้ายังทำใจไม่ได้
“เขาไม่เป็นอะไรหรอก แค่สลบไปเท่านั้น ท่านโปรดวางใจ” ราวกับซึลกิจะรู้ว่าซูโฮกำลังกังวล จึงได้กล่าวตอบมาหนึ่งประโยคก่อน คราวนี้ซูโฮจึงยกมือปาดน้ำตาด้วยตัวเอง ก่อนจะยกมืออีกข้างไปกุมมือกับมารมือขวาไว้แน่น
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี” ราชาแห่งเทพถามคราวนี้เสียงไม่สั่นแล้ว
“ข้าคิดว่าเราควรบุกไปช่วยมารมือซ้ายก่อน ท่านคิดว่าอย่างนั้นไหม เซฮุน” ซึลกิเอ่ยออกมาอย่างตรงใจมารมือขวาพอดี หากต้องการใครสักตนมาช่วยต่อกรกับชานยอล ก็คงต้องเป็นจงอินมารมือซ้ายเพื่อนยากนี่ล่ะ
“เห็นด้วย ว่าแต่จะช่วยอย่างไร” เซฮุนตอบสั้นตามนิสัย
“บุกตามข้า” ซึลกิจึงนำคัมภีร์เวทมาม้วนหนึ่ง จากนั้นก็วาดวงเวทคล้ายหมึกเรืองแสง แล้วจากนั้นก็วาดแผนผังอย่างง่ายๆ “แล้วจัดการตามนี้”
เลขาลำดับหนึ่งเก่งสมชื่อเมื่อคิดแผนบุกได้ในเวลาอันสั้น เธอดูเหมือนจะมีความรู้ล้ำหน้าพวกเทวดาและมารอย่างซูโฮและเซฮุนไปหลายขุมจากการมองออกว่าห้องนี้น่าจะมีขนาดเท่าไหร่ มีอะไรข้างใน หรือกระทั่งกลไกจากผนังมีอะไรบ้าง
หลังจากดูแผนการสู้จนเข้าใจซึ่งกินเวลาไปไม่นานนัก พวกเขาก็ส่องดูช่องกระจกอีกครั้ง พบว่าตอนนี้ชานยอลกำลังอุ้มแบคฮยอนไปยังแท่นวางคล้ายเตียงผู้ป่วยซึ่งมีแต่สายระโยงระยางเต็มไปหมด
“ชักไม่ดีแล้ว” ซึลกิเมื่อเห็นภาพนั้นก็เดาทางได้ว่านักเวทมิติกำลังจะใช้เครื่องดูดพลังกับแบคฮยอนแน่ๆ เลขาสาวหันไปอธิบายกับมารและเทวดา เครื่องนี้เธอเคยค้นข้อมูลว่ามีการใช้เพื่อดูดพลังคล้ายการดูดพลังของพวกวิญญาณ หากใช้กับผู้มีพลังไม่จำกัดอย่างแบคฮยอนคงได้ดูดกลืนพลังมหาศาลจนควบคุมไม่อยู่
ซูโฮและเซฮุนได้ยินก็รู้สึกว่าแย่เช่นกัน แม้จะไม่เคยเห็นการทำงานของเครื่องดูดพลังมาก่อน แต่ภาพของเด็กน้อยเทวดาของพวกเขาถูกวางบนเตียงสีขาวและกำลังถูกรัดด้วยสายต่อท่อน่ากลัวแล้ว มันทำให้พวกเขาอ่อนใจนัก
ทั้งสองรอสัญญาณจากซึลกิ รวมพลังให้พร้อม จากนั้นก็บุก!
เริ่มจากเซฮุนใช้พลังลมที่ตนถนัดกวาดแท่นวางทีวีไปด้านหนึ่งของห้องอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ให้ลมหอบเอาแท่นวางที่มัดพวกทหารทั้งหลายรวมถึงพวกอี้ชิงมาไว้อีกทางหนึ่ง จงใจให้จงอินมาไว้ใกล้ตัวที่สุด จากนั้นก็รีบพัดเอาซูโฮให้ไปอยู่กับมารมือซ้าย
พลังสว่างของราชาแห่งเทพเปลี่ยนเป็นพลังน้ำที่ถนัดรอแล้ว คราวนี้เขาไม่ได้ใช้น้ำเป็นตาข่ายแบบตอนช่วยผนึกพลังแบคฮยอนแต่กลับรับพลังลมของเซฮุนมาบีบอัดให้น้ำกลายเป็นน้ำกระแสแรงซึ่งสามารถตัดเหล็กได้ในพริบตา พลังคล้ายเลเซอร์น้ำนี้พุ่งไปยังตาข่ายประหลาดที่รัดจงอินไว้
แต่ยังไม่ทันจะได้ตัดตาข่ายทั้งหมด จู่ๆ ตาข่ายเพลิงที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่ก็รวบซูโฮและเซฮุนไว้แน่น
“อั่ก ชานยอล เจ้านี่มัน!” เซฮุนแค่นเสียงเมื่อแผนบุกล่มไม่เป็นท่า ตาข่ายเพลิงที่เจ้าตัวเล็กรับไว้เมื่อครู่ร้ายกาจจนไม่มีใครทานทนได้จริงๆ แม้จะเป็นเพื่อนกับชานยอลมาพันกว่าปีแล้ว เขาเองก็ทราบว่าพญามารมีวิชาต่อสู้ที่ร้ายกาจมากๆ ซ่อนอยู่ ไม่นึกเลยว่าไอ้เวทนั่นจะมาทำร้ายตนวันนี้
มารมือขวาตั้งสติแล้วก่อคลื่นลมขนาดใหญ่พัดโหม แต่เขาลืมไปว่ายิ่งลมแรง เพลิงร้อนก็ยิ่งแรงเท่านั้น เมื่อพบว่าพลังลมที่ตนถนัดไม่ได้ผล จึงได้ใช้ช่องลมขนาดเล็กแปลงเป็นบาร์เรียป้องกันความร้อนจากตาข่ายเพลิงแทน ร่างมารจึงค่อยขยับได้ แต่ก็ยังไม่สามารถพาตัวเองออกจากเพลิงรูปทรงกลมนี้ได้มากนัก
ตรงกันข้าม พลังถนัดของซูโฮคือพลังสว่างแปลงเป็นพลังน้ำ เมื่อพบว่าตนเองอยู่ในเงื้อมมือของตาข่ายเพลิง ราชาแห่งเทพก็จัดการใช้พลังน้ำต้านพลังไฟอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ตาข่ายเพลิงดับลง แต่เพราะตอนแรกเขาถูกยกตัวด้วยตาข่ายเพลิงนี้ จึงทำให้ตกลงไปเบื้องล่าง
“โอ๊ย” ราชาแห่งเทพร้องด้วยความเจ็บเมื่อร่างกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง เสียงร้องของเขาดึงดูดความสนใจชานยอลให้ส่งตาข่ายเพลิงมาอีกรอบ คราวนี้สร้างพลังน้ำไม่ทัน จึงได้แต่หลบไปก่อน
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?” เซฮุนเห็นเทวดาตัวเล็กตกลงไปก็ห่วงจึงร้องเสียงดัง คราวนี้ใบหน้าพญามารหันมามองเขาซึ่งใช้พลังลมกันตาข่ายเพลิงออกเป็นทรงกลมแต่ไม่ทำอันตรายตนเอง ชานยอลจึงเพิ่มพลังไฟเพื่อบีบรัดร่างมารมือขวาให้แน่นขึ้นอีก
ซูโฮไม่รอช้า รีบส่งพลังน้ำที่เตรียมไว้ไปขวางทันที คราวนี้เขาจับจุดได้แล้วว่าต้องใช้พลังเท่าไหร่ ลูกบอลเพลิงที่มีเซฮุนอยู่ข้างในจึงแตก ‘โพล้ะ’ จากนั้นมารมือขวาที่กางปีกก่อนถึงพื้นจึงวิ่งมาทางที่ซูโฮหลบอยู่อย่างรวดเร็ว
“ทำอย่างไรต่อดี” ซูโฮถามเซฮุนเมื่ออีกฝ่ายมาถึงมุมอับที่เขาซ่อนตัวอยู่ พวกเขาแม้จะหนีจากตาข่ายเพลิงมาได้แต่ตอนนี้ก็บาดเจ็บไม่น้อย จึงมาหลบชานยอลอยู่ที่มุมแท่นวางทีวีอันหนึ่งซึ่งเซฮุนใช้พลังลมกวาดมาไว้เมื่อครู่นี้
เซฮุนรีบหันไปมองซึลกิทันทีเมื่อซูโฮถาม พบว่าหญิงสาวกำลังปลอมตัวเป็นหุ่นยนต์อีกครั้ง และพยายามปลดสายท่อต่างๆ จากตัวแบคฮยอนมือเป็นระวิงก็ค่อยโล่งใจ
ดูเหมือนว่าแผนที่ซึลกิจะเข้าไปปลดสายท่อเพื่อช่วยแบคฮยอนจะได้ผล ที่เขาทั้งสองต้องทำคือปล่อยจงอินให้เป็นอิสระหรือใครก็ได้ที่มีพลังเพียงพอจะต่อกรกับชานยอลได้ แม้ว่าซูโฮและเซฮุนจะเป็นถึงเทวดาและมารแถวหน้า แต่น่ากลัวว่าชานยอลในโหมดหุ่นเชิดของนักเวทมิติไม่ใช่อะไรที่จะต่อกรได้ง่ายนัก
มารร่างสูงหันไปมองแท่นวางซึ่งมีตัวประกันทั้งหลายก็ขมวดคิ้ว
จงอินหายไปแล้ว!
ไม่ใช่แค่จงอินที่หายไป แม้แต่อี้ชิง คยองซู สามสาวลัคกี้วันหรือกระทั่งทหารระดับเอสก็หายไปด้วย พวกเขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า นักเวทมิติเคลื่อนย้ายพวกนั้นไปตอนไหน
“เจ้ามองอะไรอยู่?” จู่ๆ ข้างหูเซฮุนก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เฮ้ย!” มารมือขวาร้องด้วยความตกใจเมื่อเงาดำเงาหนึ่งมาใกล้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มือหนึ่งรวมพลังมืดเพื่อต่อสู้ ส่วนอีกมือก็รวบแขนราชาแห่งเทพไว้แน่น
“ข้าเองไงเล่า” แต่ก็เกือบจะปลดพลังไม่ทันเมื่อเห็นว่าเจ้าเงาดำคือจงอินที่เขามองหาเมื่อครู่นี่เอง!
“เจ้า! ทำไมมาไม่ให้สุ้มให้เสียง” เซฮุนกล่าวอย่างหงุดหงิดแม้จะรู้ว่ามารมือซ้ายมันมีความสามารถพิเศษคือการใช้เวทเคลื่อนที่ได้อย่างใจนึก แต่จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรเล่า เมื่อครู่เขาเห็นมันหมดสติอยู่ ตอนนี้มานั่งยิ้มให้เขาเนี่ยนะ
“ก็ให้เสียงแล้วไง ฮ้าว” ความกวนตีนของมารมือซ้ายทำเอาคิ้วมารมือขวากระตุกหนึ่งครั้ง นี่มันยังจะมาหาวตรงนี้อีก
“เมื่อครู่เจ้าหมดสติอยู่ไม่ใช่หรือ” ซูโฮสงสัยมากจึงถามออกไป
“อ๋อ ข้าเผลอหลับน่ะ ตื่นเพราะท่านเอาน้ำมาแตะตัวข้านั่นแหละ ก็เลยปล่อยคนอื่นแล้วก็ช่วยให้เขาตื่นด้วย” มารมือซ้ายยังตอบเสียงง่วงๆ เล่นเอาราชาแห่งเทพอ้าปากค้าง ตกลงเจ้านี่หลับจนทำให้โดนจับเนี่ยนะ
เซฮุนนั่นไม่แค่อ้าปากค้างแต่ยกเท้าขึ้นถีบเจ้าหมีง่วงเพื่อนยากหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ถาม “เจ้าทำอย่างไรถึงพาพวกนั้นออกมาได้”
“เจ็บนะ” จงอินทำปากยู่หนึ่งทีแล้วก็ตอบเสียงเอื่อย “ก็ไม่ยังไง เจ้าว่าใครรู้จักน้ำยาเวทดีไปกว่าข้าล่ะ พวกนั้นแค่โดนน้ำยาเวทสลบ ข้าก็จัดการถอนให้จากนั้นก็เคลื่อนย้ายเกือบทั้งหมดไปซ่อนไว้แถวนี้แล้วล่ะ”
คำตอบของมารมือซ้ายทำให้มารมือขวาเบะปากด้วยความหมั่นไส้ และทำให้ราชาแห่งเทพอ้าปากกว้างด้วยความทึ่ง ซูโฮนั้นไม่ทราบมาก่อนว่าจงอินเก่งด้านไหน พอเห็นความสามารถของเจ้านี่แล้ว ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพญามารที่เก่งกว่ามารสองตนนี้จึงได้เก่งขนาดนั้น เขาและมารมือขวายังเอาไม่อยู่ แต่ถ้ามีมารมือซ้ายมาช่วย อาจจะหยุดยั้งชานยอลไว้ก็ได้
“ว่าแต่เจ้านี่อาการหนัก จะทำอย่างไรดี” พอเห็นสีหน้าของราชาแห่งเทพค่อนข้างจะชื่นชมตนเองแล้วจงอินก็ยิ้มกว้าง จากนั้นก็ยกมือซีดขาวมือหนึ่งซึ่งเขาใช้น้ำยาถอนเวทแบบไหนก็ทำให้เทวดาตนนี้ฟื้นไม่ได้สักที
“จงแด!” ซูโฮเมื่อเห็นว่าจงอินพาใครมาด้วยก็ตกใจพร้อมกับพุ่งเข้าไปดูอาการเพื่อนสนิทของหลาน เขาเองไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกจึงไม่ทราบว่าจงแดโดนทำอะไรลงไปบ้าง แต่ใบหน้าขาวซีดของเทวดาหนุ่มก็ทำให้ร้อนใจนัก
วงเวทขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนมือราชาแห่งเทพ จากนั้นเขาก็วางมันลงตรงหัวใจเทวดาข้างหน้า รอสักครู่ให้กระแสเวทไหลเวียนไปทั่ว แล้วซูโฮก็เหงื่อตก
“เหมือนสมองค่อนข้างกระทบกระเทือนอย่างหนักเลยทีเดียว” ซูโฮพูดแล้วก็แปรพลังตรวจสอบเมื่อครู่เป็นพลังรักษา “จงแดบาดเจ็บภายในส่วนหนึ่งเป็นเพราะใช้พลังเกินขอบเขตและเป็นการใช้พลังไม่สมดุล ร่างกายจึงบอบช้ำ แต่สาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมคือสมองกระทบกระเทือนน่ะ”
ราชาแห่งเทพบรรยายเสร็จก็ร่ายเวทรักษาอีกสองสามบท แม้จะแว่วเสียงได้ยินว่าชานยอลพบทหารมารกับพวกเทวดาสาวและกำลังประมือกันอยู่ แต่จงอินและเซฮุนก็รอให้ซูโฮรักษาเสร็จก่อน รอไม่นานเพื่อนสนิทของแบคฮยอนก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ปากหยักแม้จะมีสีเลือดขึ้นบ้างแล้วแต่ก็ยังซีดอยู่เมื่อเทียบกับเทวดาทั่วไป
“แบคฮยอนข้าขอโทษ!” จงแดเมื่อลืมตาก็เบิกตากว้างพร้อมกับผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะชนกับหน้าซูโฮอยู่แล้ว
“จงแด จำข้าได้ไหม” ราชาแห่งเทพประคองตัวจงแดแล้วถามเสียงนุ่ม
“ท่านราชาแห่งเทพ...” จงแดกล่าวแค่นั้นแล้วเสียงระเบิดไม่ไกลจากพวกเขาก็ดังขึ้น
บรึ้ม!
มารมือขวาและซ้ายมองหน้ากันแล้วพยักหน้า ดูท่าพวกอี้ชิงจะเอาไม่อยู่แล้ว
เซฮุนดึงแท่นวางและทีวีบางส่วนซึ่งไม่แตกหักมาใกล้ๆ จากนั้นก็ทำให้มันเป็นเกราะกำบังพวกเขาจากการต่อสู้ภายนอก จากนั้นก็เอ่ยกำชับเทวดาทั้งสอง
“เจ้ากับจงแดรออยู่ตรงนี้ พวกข้าจะไปจัดการพญามารบ้าเลือดนี่ก่อน” พูดจบไม่รอให้ซูโฮตอบใดๆ เซฮุนกับจงอินก็หายวับจากตรงนั้นทันที
ซูโฮส่ายหน้าเมื่อโดนมารมือขวาสั่ง แต่ก็เข้าใจว่าจงแดต้องมีคนดูแล และเจ้าบ้านั่นต้องเป็นห่วงแน่ๆ ถึงไม่ยอมให้ออกไปต่อสู้ด้วย เขาจึงเริ่มพูดคุยกับจงแดเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย และสอบถามว่าช่วงที่ทั้งสองหายไปเกิดอะไรขึ้นกันแน่
****lucky one and monster****
บรึ้ม!
เมื่อมารเพื่อนซี้ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นที่อีกฟากหนึ่งของห้อง ก็พบว่าชานยอลกำลังอาละวาดหนักทีเดียว
แม้ว่าตอนนี้นักเวทมิติยังไม่เคลื่อนไหว แต่การที่ซึลกิยังไม่ออกมาจากมุมห้องที่ชานยอลป้องกันไว้ ก็ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนัก เซฮุนบอกกับจงอินเมื่อครู่แล้วว่าถ้าแบคฮยอนถูกผูกติดกับเตียงและสายท่อต่างๆ นั่นเรียบร้อยเมื่อไหร่ โลกต้องถึงหายนะแน่ๆ ทั้งสองจึงเข้าใจตรงกันว่าจะเข้าไปช่วยแบคฮยอนได้ ก็ต้องผ่านพญามารคลั่งเสียก่อน
เบื้องหน้าพวกเขาคือสามสาวเทวดาอดีตลัคกี้วันและท่านแม่อี้ชิงกำลังผนึกพลังต่อสู้กับชานยอลอย่างสุดฤทธิ์ แม้ว่าเทวดาทั้งหมดที่นี่จะเก่งกาจสามารถขนาดไหน แต่พญามารก็ไม่ใช่อะไรที่จะต่อกรได้ง่ายๆ พวกเขาจึงผลัดกันรุกผลัดกันรับ โดยที่ยังไม่มีใครผ่านชานยอลไปยังมุมที่แบคฮยอนอยู่ได้เลย
ไม่นับด้วยว่าพลังของทหารมารระดับเอสที่จงอินปล่อยออกมานั้นสู้ชานยอลไม่ได้สักนิด ตอนนี้ภาระการต่อสู้ต่างๆ จึงตกลงมาอยู่กับเทวดาอดีตลัคกี้วันกันหมด เมื่อประเมินด้วยสายตาว่าพลังสว่างเริ่มเบาลงแล้ว เซฮุนจึงได้หอบเอาพวกที่ต่อสู้ไม่ไหวไปไว้ด้านข้างจากนั้นก็ใช้ม่านพลังลมกั้นพวกเขาให้พ้นจากรัศมีการต่อสู้ด้วย
จงอินนั้นมีรูปแบบการต่อสู้ไม่ชัดเจนมากนักเพราะเจ้าตัวจะหายวับจากมุมนี้ไปมุมนู้นอยู่ตลอด ในขณะที่เซฮุนใช้พลังลมบังคับสิ่งของหรือใช้ทำเป็นอาวุธเช่นธนู แต่ปรากฏว่าจงอินถนัดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อใช้น้ำยาเวทมากกว่า ซึ่งเจ้าหมีง่วงนั่นมีน้ำยาเวทซ่อนอยู่ในตัวเป็นร้อยๆ ชนิด ดังนั้นเมื่อครู่เขาถึงไม่ประหลาดใจเลยหลังจากจงอินทำให้ทุกคนฟื้นในชั่วพริบตา เพราะความเร็วของเจ้าดำแค่หนึ่งนาทีก็สามารถขยับตัววูบวาบไปมาได้นับร้อยครั้งแล้ว
เซฮุนแปลงพลังมืดเป็นธนูความเร็วสูงเช่นเคย เขาเพิ่มพลังให้มันเร็วมากกว่าปกติหลายเท่าตัวแล้วยิ่งเข้าใส่ชานยอลอย่างจัง หวังว่าการโจมตีครั้งนี้จะทำให้ชานยอลหยุดชะงักได้ แต่ก็ผิดคาด เมื่อชานยอลเพียงแค่สร้างบาร์เรียมากั้นลูกธนูของเขาเอาไว้
“โธ่เว้ย” มารมือขวาสบถเมื่อการโจมตีไม่ได้ผล เขาทั้งส่งมีดพลังลมและลูกธนูไปอีกนับไม่ถ้วนแต่ทั้งหมดกลับสลายเพียงเพราะโดนบาร์เรียของชานยอล แม้จะโดนควบคุมอยู่ แต่พญามารนี่มันก็ฉลาดจริง
ตอนนี้เทวดาสาว ทหารเทพและทหารมารต่างก็ล่าถอยไปหมดแล้วเพราะพลังร่อยหรอ จึงเหลือแต่อี้ชิงและมารซ้ายขวาต่อสู้กับชานยอลเพื่อจะฝ่าเข้าไปอีกด้านช่วยแบคฮยอน
เซฮุนเห็นอี้ชิงเริ่มอ่อนแรงก็รีบตะโกนใส่ “เจ้าเข้าไปหลบหลังม่านพลังลมได้แล้ว!”
“แต่ชานยอลยังไม่ยอมสงบ ข้าอาจเป็นผู้ที่ช่วยเขา!” แต่อี้ชิงกลับตะโกนกลับมา
“ข้ากับจงอินมีแผนแล้ว เจ้าเข้าไปเถอะ หากแบคฮยอนเป็นอะไรไป มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยได้” เซฮุนจึงได้เอ่ยเหตุผลที่เหมาะสมที่สุด อี้ชิงได้ยินก็เข้าใจ เพราะในที่นี้เขาเป็นเทวดาที่มีพลังรักษาสูงสุดนั่นเอง
เมื่ออี้ชิงจากไปจึงเหลือเพียงเซฮุนและจงอินที่คอยประมือกับชานยอล
มารมือขวาใช้พลังที่ตนเองถนัดและไม่ถนัดไปมากแล้ว เมื่อเห็นว่ามารมือซ้ายให้สัญญาณจึงได้ใช้เวทลับที่ซ่อนไว้เสียที
พลังลมทั้งหมดแปรเป็นพายุหมุนขนาดย่อม มันสูบเอาทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีเข้ามาแล้วทำให้แหลกกระจายในใจกลางพายุอย่างรวดเร็ว คราวนี้ชานยอลไม่เอาแต่ตั้งรับด้วยบาร์เรียอีกแล้วเพราะรู้ว่าหากโดนเข้า การสลายพลังก็อาจจะใช้ไม่ได้ผล
พญามารรวบรวมพลังมืดเพื่อสยบพายุหมุนที่เข้ามาใกล้ ช่วงเวลานี้เขามีสมาธิในการรวบรวมพลังอย่างมาก เพราะพายุชนิดนี้หากไม่วางพลังไว้ตรงใจกลาง ก็จะทำให้พายุไม่สามารถสงบลงได้
แต่แล้วในขณะที่ชานยอลกำลังรวมพลังได้จนเกือบจะสลายพายุหมุนได้นั้น
“บิงโก” เสียงหนึ่งก็ดังข้างหู จากนั้นสติของพญามารก็ดับวูบอย่างรวดเร็ว
“สำเร็จ!” เซฮุนตะโกนอย่างดีใจพลางสลายพลังพายุหมุนด้วยตนเอง เขาแค่ล่อให้ชานยอลต้องตั้งสมาธิเพื่อรวบรวมพลังเท่านั้น แล้วจงอินที่รออยู่ก็จะค่อยๆ ขยับไปใกล้ชานยอลเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถใช้น้ำยาเวท ‘สู่ฝัน’ หรือยาสลบอย่างแรงได้
และเมื่อชานยอลล้มลงแล้วพวกเขาก็จะไปช่วยแบคฮยอนได้เสียที
แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปมุมด้านที่ชานยอลป้องกันไว้เมื่อครู่ ก็มีแสงสว่าง ‘พรึ่บ’ หนึ่งครั้ง จากนั้นเส้นสายที่เขาเคยเห็นมันต่อเชื่อมกับแบคฮยอนก็มีพลังงานเป็นแสงสีรุ้งไหลเวียนตลอดสาย
พร้อมกับนักเวทมิติคนหนึ่งที่ยืนหัวเราะเมื่อเห็นว่าเครื่องนี้ทำงานได้ดั่งใจ
และซึลกิที่ยืนข้างๆ พลางมองแบคฮยอนด้วยสายตาแสดงถึงชัยชนะอีกด้วย!
-------------------------------------------------------------------------
เหยยยยยย นี่มันอะไรก๊านนนนนนน
อย่าเพิ่งขว้างรองเท้ามาหาพี่ 55555555555
ปล.บรรยายการต่อสู้ไม่งงเนอะ ;-;
#luckyonecb
@noeybaekbd