บอร์ดสำหรับหนุ่มสาวชาววายสาย Fiction แห่ง SM TOWN

Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.
บอร์ดสำหรับหนุ่มสาวชาววายสาย Fiction แห่ง SM TOWN

เป็นบอร์ดสำหรับให้ เหล่านักเขียนสายวายและไม่วายค่าย SM เน้น EXO, NCT มาลงงานเขียนโดยเฉพาะนะครัช 3


    [EXO] dear my lucky one เทวดาที่รัก ChanBaek

    avatar
    noeybaekbd


    จำนวนข้อความ : 31
    Join date : 15/08/2016

    [EXO] dear my lucky one เทวดาที่รัก ChanBaek - Page 2 Empty Dear my lucky one เทวดาที่รัก 24 นักเวทมิติคนนั้น

    ตั้งหัวข้อ by noeybaekbd Fri Sep 23, 2016 11:42 pm



    Dear my lucky one เทวดาที่รัก 24
    นักเวทมิติคนนั้น





    บรึ้ม!

    แบคฮยอนพยายามหลบลูกไฟที่คนรักส่งมาอย่างสุดความสามารถ ซึ่งหากห้องโล่งกว้างนี้ไม่เต็มไปด้วยตัวประกันอย่างพวกอี้ชิงและทหารระดับเอสซึ่งหมดสติอยู่ จะทำให้ง่ายกว่านี้มาก

    ตอนนี้เทวดาตัวเล็กทำได้เพียงวิ่งไปทางแท่นวางจอทีวีขนาดใหญ่ถ่ายทอดภาพบุคคลสำคัญของโลก แทนที่จะวิ่งไปทางแท่นซึ่งมีตัวประกันทั้งหมดเพราะกลัวว่าอาจจะบาดเจ็บจากพลังของชานยอลเข้า

    ชานยอล... แค่คิดว่าคนรักกำลังโจมตีตนเองอย่างเอาเป็นเอาตายก็ปวดหัวใจอย่างหนัก ไม่คิดเลยว่ามินซอกจะถึงขนาดจับชานยอลไปล้างสมองแล้วสั่งให้มาโจมตีเขา แบคฮยอนรู้ดีว่าพญามารไม่มีทางทำร้ายตนเองแน่ ไม่ต้องพูดถึงพวกอี้ชิงเลย หากชานยอลรู้ทีหลังว่าทำร้ายพวกอี้ชิงจะต้องเศร้าใจแน่

    พลังสว่างที่เขาสั่งให้เป็นบาร์เรียคุ้มกันเริ่มอ่อนลงแล้ว หลังจากหลบลูกไฟติดต่อกันมาหลายลูก จอทีวีแตกนับไม่ถ้วน ในที่สุดชานยอลก็หยุดปล่อยลูกไฟ คงเพราะมินซอกเพิ่งเห็นว่าทีวีพังมากไปจึงได้สั่งให้หยุด แบคฮยอนยืนหอบหายใจหนักเพราะเพิ่งหายบาดเจ็บไม่นาน แผลภายนอกหายหมดก็จริงแต่คาดว่าอาการช้ำในคงไม่ฟื้นง่ายขนาดนั้น ร่างเล็กถึงกับทรุดลงนั่งกับพื้น

    “เจ้าจะยอมใช้เครื่องซุปเปอร์อิลลูมิเนติหรือจะให้ข้าสั่งชานยอลอีก เลือกเอา” เสียงมินซอกยังคงราบเรียบเหมือนคนไร้หัวใจ เย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลก ช่างกัดกินหัวใจได้มากนัก แม้แบคฮยอนจะรู้ตัวดีว่าสู้ชานยอลไม่ได้ ไม่นับว่าไม่กล้าทำร้ายคนรักด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่สามารถทำเรื่องชั่วๆ อย่างใส่ความคิดให้คนนับหมื่นได้เช่นกัน

    “ไม่! ปล่อยชานยอลเดี๋ยวนี้นะ” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นพูด

    รู้ว่าต่อรองอาจไม่ได้ผล แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วยอมแพ้ไปดื้อๆ

    “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดมากกว่านี้” เสียงจากลำโพงพูดให้รู้สึกสั่น ยังมีอะไรเจ็บปวดไปกว่าเพื่อนโดนจับ เพื่อนสนิทโดนล้างสมอง แถมยังต้องมาวิ่งหนีลำแสงที่ฆ่าตนได้จากคนรักอีกหรือ?


    แล้วแบคฮยอนก็รู้ว่าตนคิดผิดไปถนัดเลยทีเดียว


    จู่ๆ กระแสพลังขนาดใหญ่ก็เข้ามาในลักษณะตาข่ายเพลิง มันไม่ถึงกับร้อนแค่โดนแล้วชาแต่พอมาโดนทั้งตัวก็เหมือนว่าร่างกายแบคฮยอนขยับไม่ได้ ตาข่ายเพลิงคล้ายมือยักษ์สีแดงที่ทำจากไฟจับตัวเขาเอาไว้ ร่างเล็กพยายามดิ้นให้หลุดแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อความเจ็บปวดเริ่มเข้าแทนที่ความชา ผิวหนังของเทวดาแม้จะหนากว่ามนุษย์ก็มีรอยไหม้สีน้ำตาลเป็นริ้วขึ้นแล้ว

    แบคฮยอนมองชานยอลที่ปล่อยตาข่ายเพลิงใส่เขาด้วยสีหน้าเรียบ แววตาปราศจากอารมณ์ใดๆ พาให้หัวใจปวดร้าว เมื่อครู่เขามัวแต่หลบลูกบอลเพลิงที่ชานยอลสาดมาจึงไม่ได้ดูสีหน้าอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก พอมาเห็นว่าชานยอลทำร้ายเขาจนเจ็บโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน น้ำตาก็พาลจะไหล

    แต่ทำไม่ได้ ถ้าแบคฮยอนอ่อนแอ แล้วใครจะช่วยชานยอลและพวกท่านแม่ล่ะ

    ในเมื่อตัวขยับไม่ได้แต่สมองไม่ได้หยุดตาม จึงพยายามเพ่งหาพลังสว่างที่ตนเองควบคุมได้ เขาพบแสงระยิบระยับอยู่รอบตัวจึงบังคับให้พวกมันเปลี่ยนเป็นพลังรักษาก่อนหนึ่งกลุ่ม ส่วนอีกกลุ่มเป็นบาร์เรียป้องกันไม่ให้ตาข่ายเพลิงทำอันตรายตนเองได้อีก เมื่อกระบวนการทั้งสองเสร็จสิ้น ร่างกายแม้จะขยับไม่ค่อยได้ก็พอหายเจ็บปวดบ้าง

    จากนั้นแบคฮยอนก็ตะโกนใส่คนรักด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

    “ปล่อยนะ ชานยอล!”

    หนึ่งประโยคไม่ได้ช่วยให้ตาข่ายคลายตัวแต่ยิ่งรัดกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขายังพูดได้ แม้จะไม่แสบผิวแล้วแต่กระดูกและอวัยวะภายในเหมือนจะบอบช้ำไม่น้อย แบคฮยอนจึงต้องรวบรวมสติก่อนจะให้พลังสว่างทำลายตาข่ายเพลิง เส้นแสงคล้ายเลเซอร์ปรากฏขึ้นคล้ายตอนตัดเชือกมัดตัวนาอึนหากแต่คราวนี้ไม่ได้ผล ตาข่ายเพลิงนั้นไม่ได้ถูกตัดง่ายๆ

    “โอ๊ย ชานยอล ข้าเจ็บ”

    เมื่อชานยอลเห็นแบคฮยอนพยายามใช้เลเซอร์พลังสว่างก็เพิ่มแรงบีบให้ตาข่ายเพลิงมากขึ้นจนเทวดาตัวน้อยเผลอร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาแห่งความเจ็บไหลช้าๆ ไปตกใส่ตาข่ายเพลิงส่วนหนึ่งพร้อมกับสิ้นสุดคำว่า ‘ข้าเจ็บ’ ทำให้พญามารชะงักเล็กน้อย

    แรงบีบร่างลดลงจนเกือบจะคลายเกือบทั้งหมด แบคฮยอนจึงไม่รอช้า รีบใช้โอกาสนี้พูดกับคนรัก

    “ชานยอล ข้าขอโทษ ต่อไปจะไม่งี่เง่าอีกแล้ว กลับมาเถอะนะ กลับมาเป็นคนรักข้าดังเดิม”

    เสียงออดอ้อนที่เคยได้ผลเริ่มทำงานเมื่อแรงรัดจากตาข่ายเริ่มหลุดจนกระทั่งแขนเขาเป็นอิสระ ร่างเล็กจึงพูดอีกเพราะหวังว่าพญามารที่รักจะกลับมาจำตนเองได้

    “ข้าผิดเองที่ไม่ไว้ใจเจ้า ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะไม่รักข้าเพราะพลังของข้า ข้าผิดเอง”

    แบคฮยอนถือโอกาสพูดความในใจที่เขาไม่เคยบอกกับชานยอลเพื่อหวังเรียกสติ น้ำตาตอนนี้ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดทางร่างกายแล้ว หากแต่มาจากใจที่รู้สึกผิดจริงๆ ถ้าเขาไม่เกิดความกลัวในพลังตนเองจนคิดว่าชานยอลไม่รัก ก็คงไม่ทำให้คนรักต้องมาโดนกระทำแบบนี้

    มือพญามารลดลงกว่าครึ่ง ความร้อนแรงของตาข่ายเพลิงก็ลดลงจนแทบจะหมด จากตอนแรกแบคฮยอนถูกจับเอาไว้แล้วยกขึ้นลอยตอนนี้เท้าสามารถแตะพื้นได้แล้ว แสดงว่าคำขอโทษของเขาได้ผล บางทีชานยอลอาจจะถูกล้างสมองแบบอ่อนจึงยังมีสำนึกที่รักเขาอยู่ แบคฮยอนต้องพยายามอีก

    แต่ทันใดนั้น

    “อย่าคิดจะเกลี้ยกล่อมเขาซะให้ยาก!” เสียงจากลำโพงดังขึ้นจนแสบแก้วหู จากนั้นตาข่ายเพลิงก็ร้อนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายองศา เล่นเอาแบคฮยอนที่เผลอคลายบาร์เรียบางส่วนถึงกับร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงนั้นไม่มีผลกับพญามารแล้วเมื่อเขาถูกยกตัวขึ้นจากพื้นด้วยพลังจากตาข่ายเพลิงอีกครั้ง


    “อ๊ากกกกกกกกก” แบคฮยอนร้องสุดเสียงเมื่อคราวนี้ไม่ทันตั้งตัว ทั้งถูกไฟร้อนลวกผิดหนัง ทั้งถูกแรงบีบอัดทำเอากระดูกบางส่วนลั่นดังกร๊อบ ร่างกายที่เพิ่งฟื้นเมื่อครู่เจ็บแสบไปหมด ไม่มีแรงจะพูดอะไรแล้ว


    “เจ้า อึก... จำข้าไม่ได้ จริงๆ หรือ” เสียงพูดเบาๆ อย่างอ่อนแรงส่งไปหาคนรักอีกครั้ง นี่เขาจะต้องตายด้วยมือของชานยอลอย่างนั้นหรือ ชานยอลจะเสียใจไหมถ้าคืนสติมาแล้วพบว่าเป็นคนฆ่าเขาตาย

    “อย่าทำให้ถึงตาย แค่บาดเจ็บจนดิ้นไม่ได้ก็พอ” เสียงเย็นชาราวน้ำแข็งยังคงส่งออกมาจากคนใบหน้าใจดีอย่างมินซอกไม่ขาดสาย แบคฮยอนแค่นยิ้ม แค่นี้เขาก็เจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว ยังจะบอกให้บีบจนบาดเจ็บแล้วดิ้นไม่ได้อีก

    คราวนี้ชานยอลจึงเปลี่ยนพลังไฟในตาข่ายเพลิงเป็นตาข่ายพลังไฟฟ้าแทน เมื่อกระแสไฟนับหมื่นโวลต์ส่งมาพร้อมกัน แบคฮยอนจึงรู้ว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงเป็นอย่างไร ประกอบกับอวัยวะภายในเริ่มบอบช้ำเกินทานทนแล้ว ร่างเล็กส่งเสียงร้อง ‘อั่ก’ มาหนึ่งครั้ง


    จากนั้นก็สลบไปอย่างรวดเร็ว



    ****lucky one and monster****



    “ไม่! แบคฮยอน” ซูโฮอุทานขึ้นเมื่อเห็นหลานรักลงไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตา แขนขาทั้งสองทำท่าจะวิ่งพรวดไปหาเทวดาที่เฝ้าเลี้ยงดูทะนุถนอมมานานกว่าร้อยปี แต่กระนั้นเขากลับขยับไม่ได้

    “เดี๋ยวก่อน! เจ้าอยากไปตายอีกตนรึไง” เป็นเซฮุนที่ดึงเขาไว้พร้อมกับกอดไว้แน่น แรงบีบรัดทำให้ซูโฮรู้ว่าอีกฝ่ายก็พยายามห้ามใจตัวเองอยู่ไม่น้อย มารมือขวานั้นพบกับแบคฮยอนมาตั้งแต่เจ้าตัวเล็กอายุได้แค่ไม่กี่ขวบ จะเรียกว่าความรู้สึกห่วงเทวดาน้อยไม่แพ้กันก็ว่าได้ ราชาแห่งเทพจึงได้แต่พยายามตั้งสติ ก่อนจะหันไปพูดกับเลขาพญามารถึงแผนที่นางบอกเมื่อครู่

    “ซึลกิ เราจะทำอย่างไรดี” เอ่ยเสียงสั่นเครือไม่รู้ตัว ซูโฮไม่แน่ใจว่าเขาเป็นอะไรแน่ แต่สักพักก็รู้สึกว่ามีมือขาวซีดของมารขยับมาช่วยซับน้ำตาตรงข้างแก้มให้ ที่แท้เขาร้องไห้นี่เอง เป็นราชาแห่งเทพมานานจนลืมว่าตนเองร้องไห้ได้ไปแล้ว นั่นยิ่งทำให้เขาร้อนใจนัก แบคฮยอนขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งเป็นอะไร ตาของเจ้ายังทำใจไม่ได้

    “เขาไม่เป็นอะไรหรอก แค่สลบไปเท่านั้น ท่านโปรดวางใจ” ราวกับซึลกิจะรู้ว่าซูโฮกำลังกังวล จึงได้กล่าวตอบมาหนึ่งประโยคก่อน คราวนี้ซูโฮจึงยกมือปาดน้ำตาด้วยตัวเอง ก่อนจะยกมืออีกข้างไปกุมมือกับมารมือขวาไว้แน่น

    “แล้วเราจะทำอย่างไรดี” ราชาแห่งเทพถามคราวนี้เสียงไม่สั่นแล้ว

    “ข้าคิดว่าเราควรบุกไปช่วยมารมือซ้ายก่อน ท่านคิดว่าอย่างนั้นไหม เซฮุน” ซึลกิเอ่ยออกมาอย่างตรงใจมารมือขวาพอดี หากต้องการใครสักตนมาช่วยต่อกรกับชานยอล ก็คงต้องเป็นจงอินมารมือซ้ายเพื่อนยากนี่ล่ะ

    “เห็นด้วย ว่าแต่จะช่วยอย่างไร” เซฮุนตอบสั้นตามนิสัย

    “บุกตามข้า” ซึลกิจึงนำคัมภีร์เวทมาม้วนหนึ่ง จากนั้นก็วาดวงเวทคล้ายหมึกเรืองแสง แล้วจากนั้นก็วาดแผนผังอย่างง่ายๆ “แล้วจัดการตามนี้”

    เลขาลำดับหนึ่งเก่งสมชื่อเมื่อคิดแผนบุกได้ในเวลาอันสั้น เธอดูเหมือนจะมีความรู้ล้ำหน้าพวกเทวดาและมารอย่างซูโฮและเซฮุนไปหลายขุมจากการมองออกว่าห้องนี้น่าจะมีขนาดเท่าไหร่ มีอะไรข้างใน หรือกระทั่งกลไกจากผนังมีอะไรบ้าง

    หลังจากดูแผนการสู้จนเข้าใจซึ่งกินเวลาไปไม่นานนัก พวกเขาก็ส่องดูช่องกระจกอีกครั้ง พบว่าตอนนี้ชานยอลกำลังอุ้มแบคฮยอนไปยังแท่นวางคล้ายเตียงผู้ป่วยซึ่งมีแต่สายระโยงระยางเต็มไปหมด

    “ชักไม่ดีแล้ว” ซึลกิเมื่อเห็นภาพนั้นก็เดาทางได้ว่านักเวทมิติกำลังจะใช้เครื่องดูดพลังกับแบคฮยอนแน่ๆ เลขาสาวหันไปอธิบายกับมารและเทวดา เครื่องนี้เธอเคยค้นข้อมูลว่ามีการใช้เพื่อดูดพลังคล้ายการดูดพลังของพวกวิญญาณ หากใช้กับผู้มีพลังไม่จำกัดอย่างแบคฮยอนคงได้ดูดกลืนพลังมหาศาลจนควบคุมไม่อยู่

    ซูโฮและเซฮุนได้ยินก็รู้สึกว่าแย่เช่นกัน แม้จะไม่เคยเห็นการทำงานของเครื่องดูดพลังมาก่อน แต่ภาพของเด็กน้อยเทวดาของพวกเขาถูกวางบนเตียงสีขาวและกำลังถูกรัดด้วยสายต่อท่อน่ากลัวแล้ว มันทำให้พวกเขาอ่อนใจนัก


    ทั้งสองรอสัญญาณจากซึลกิ รวมพลังให้พร้อม จากนั้นก็บุก!


    เริ่มจากเซฮุนใช้พลังลมที่ตนถนัดกวาดแท่นวางทีวีไปด้านหนึ่งของห้องอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ให้ลมหอบเอาแท่นวางที่มัดพวกทหารทั้งหลายรวมถึงพวกอี้ชิงมาไว้อีกทางหนึ่ง จงใจให้จงอินมาไว้ใกล้ตัวที่สุด จากนั้นก็รีบพัดเอาซูโฮให้ไปอยู่กับมารมือซ้าย

    พลังสว่างของราชาแห่งเทพเปลี่ยนเป็นพลังน้ำที่ถนัดรอแล้ว คราวนี้เขาไม่ได้ใช้น้ำเป็นตาข่ายแบบตอนช่วยผนึกพลังแบคฮยอนแต่กลับรับพลังลมของเซฮุนมาบีบอัดให้น้ำกลายเป็นน้ำกระแสแรงซึ่งสามารถตัดเหล็กได้ในพริบตา พลังคล้ายเลเซอร์น้ำนี้พุ่งไปยังตาข่ายประหลาดที่รัดจงอินไว้

    แต่ยังไม่ทันจะได้ตัดตาข่ายทั้งหมด จู่ๆ ตาข่ายเพลิงที่พวกเขาเห็นเมื่อครู่ก็รวบซูโฮและเซฮุนไว้แน่น

    “อั่ก ชานยอล เจ้านี่มัน!” เซฮุนแค่นเสียงเมื่อแผนบุกล่มไม่เป็นท่า ตาข่ายเพลิงที่เจ้าตัวเล็กรับไว้เมื่อครู่ร้ายกาจจนไม่มีใครทานทนได้จริงๆ แม้จะเป็นเพื่อนกับชานยอลมาพันกว่าปีแล้ว เขาเองก็ทราบว่าพญามารมีวิชาต่อสู้ที่ร้ายกาจมากๆ ซ่อนอยู่ ไม่นึกเลยว่าไอ้เวทนั่นจะมาทำร้ายตนวันนี้

    มารมือขวาตั้งสติแล้วก่อคลื่นลมขนาดใหญ่พัดโหม แต่เขาลืมไปว่ายิ่งลมแรง เพลิงร้อนก็ยิ่งแรงเท่านั้น เมื่อพบว่าพลังลมที่ตนถนัดไม่ได้ผล จึงได้ใช้ช่องลมขนาดเล็กแปลงเป็นบาร์เรียป้องกันความร้อนจากตาข่ายเพลิงแทน ร่างมารจึงค่อยขยับได้ แต่ก็ยังไม่สามารถพาตัวเองออกจากเพลิงรูปทรงกลมนี้ได้มากนัก

    ตรงกันข้าม พลังถนัดของซูโฮคือพลังสว่างแปลงเป็นพลังน้ำ เมื่อพบว่าตนเองอยู่ในเงื้อมมือของตาข่ายเพลิง ราชาแห่งเทพก็จัดการใช้พลังน้ำต้านพลังไฟอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ตาข่ายเพลิงดับลง แต่เพราะตอนแรกเขาถูกยกตัวด้วยตาข่ายเพลิงนี้ จึงทำให้ตกลงไปเบื้องล่าง

    “โอ๊ย” ราชาแห่งเทพร้องด้วยความเจ็บเมื่อร่างกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง เสียงร้องของเขาดึงดูดความสนใจชานยอลให้ส่งตาข่ายเพลิงมาอีกรอบ คราวนี้สร้างพลังน้ำไม่ทัน จึงได้แต่หลบไปก่อน

    “เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?” เซฮุนเห็นเทวดาตัวเล็กตกลงไปก็ห่วงจึงร้องเสียงดัง คราวนี้ใบหน้าพญามารหันมามองเขาซึ่งใช้พลังลมกันตาข่ายเพลิงออกเป็นทรงกลมแต่ไม่ทำอันตรายตนเอง ชานยอลจึงเพิ่มพลังไฟเพื่อบีบรัดร่างมารมือขวาให้แน่นขึ้นอีก

    ซูโฮไม่รอช้า รีบส่งพลังน้ำที่เตรียมไว้ไปขวางทันที คราวนี้เขาจับจุดได้แล้วว่าต้องใช้พลังเท่าไหร่ ลูกบอลเพลิงที่มีเซฮุนอยู่ข้างในจึงแตก ‘โพล้ะ’ จากนั้นมารมือขวาที่กางปีกก่อนถึงพื้นจึงวิ่งมาทางที่ซูโฮหลบอยู่อย่างรวดเร็ว

    “ทำอย่างไรต่อดี” ซูโฮถามเซฮุนเมื่ออีกฝ่ายมาถึงมุมอับที่เขาซ่อนตัวอยู่ พวกเขาแม้จะหนีจากตาข่ายเพลิงมาได้แต่ตอนนี้ก็บาดเจ็บไม่น้อย จึงมาหลบชานยอลอยู่ที่มุมแท่นวางทีวีอันหนึ่งซึ่งเซฮุนใช้พลังลมกวาดมาไว้เมื่อครู่นี้

    เซฮุนรีบหันไปมองซึลกิทันทีเมื่อซูโฮถาม พบว่าหญิงสาวกำลังปลอมตัวเป็นหุ่นยนต์อีกครั้ง และพยายามปลดสายท่อต่างๆ จากตัวแบคฮยอนมือเป็นระวิงก็ค่อยโล่งใจ

    ดูเหมือนว่าแผนที่ซึลกิจะเข้าไปปลดสายท่อเพื่อช่วยแบคฮยอนจะได้ผล ที่เขาทั้งสองต้องทำคือปล่อยจงอินให้เป็นอิสระหรือใครก็ได้ที่มีพลังเพียงพอจะต่อกรกับชานยอลได้ แม้ว่าซูโฮและเซฮุนจะเป็นถึงเทวดาและมารแถวหน้า แต่น่ากลัวว่าชานยอลในโหมดหุ่นเชิดของนักเวทมิติไม่ใช่อะไรที่จะต่อกรได้ง่ายนัก

    มารร่างสูงหันไปมองแท่นวางซึ่งมีตัวประกันทั้งหลายก็ขมวดคิ้ว

    จงอินหายไปแล้ว!

    ไม่ใช่แค่จงอินที่หายไป แม้แต่อี้ชิง คยองซู สามสาวลัคกี้วันหรือกระทั่งทหารระดับเอสก็หายไปด้วย พวกเขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า นักเวทมิติเคลื่อนย้ายพวกนั้นไปตอนไหน

    “เจ้ามองอะไรอยู่?” จู่ๆ ข้างหูเซฮุนก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

    “เฮ้ย!” มารมือขวาร้องด้วยความตกใจเมื่อเงาดำเงาหนึ่งมาใกล้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มือหนึ่งรวมพลังมืดเพื่อต่อสู้ ส่วนอีกมือก็รวบแขนราชาแห่งเทพไว้แน่น

    “ข้าเองไงเล่า” แต่ก็เกือบจะปลดพลังไม่ทันเมื่อเห็นว่าเจ้าเงาดำคือจงอินที่เขามองหาเมื่อครู่นี่เอง!

    “เจ้า! ทำไมมาไม่ให้สุ้มให้เสียง” เซฮุนกล่าวอย่างหงุดหงิดแม้จะรู้ว่ามารมือซ้ายมันมีความสามารถพิเศษคือการใช้เวทเคลื่อนที่ได้อย่างใจนึก แต่จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรเล่า เมื่อครู่เขาเห็นมันหมดสติอยู่ ตอนนี้มานั่งยิ้มให้เขาเนี่ยนะ

    “ก็ให้เสียงแล้วไง ฮ้าว” ความกวนตีนของมารมือซ้ายทำเอาคิ้วมารมือขวากระตุกหนึ่งครั้ง นี่มันยังจะมาหาวตรงนี้อีก

    “เมื่อครู่เจ้าหมดสติอยู่ไม่ใช่หรือ” ซูโฮสงสัยมากจึงถามออกไป

    “อ๋อ ข้าเผลอหลับน่ะ ตื่นเพราะท่านเอาน้ำมาแตะตัวข้านั่นแหละ ก็เลยปล่อยคนอื่นแล้วก็ช่วยให้เขาตื่นด้วย” มารมือซ้ายยังตอบเสียงง่วงๆ เล่นเอาราชาแห่งเทพอ้าปากค้าง ตกลงเจ้านี่หลับจนทำให้โดนจับเนี่ยนะ

    เซฮุนนั่นไม่แค่อ้าปากค้างแต่ยกเท้าขึ้นถีบเจ้าหมีง่วงเพื่อนยากหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ถาม “เจ้าทำอย่างไรถึงพาพวกนั้นออกมาได้”

    “เจ็บนะ” จงอินทำปากยู่หนึ่งทีแล้วก็ตอบเสียงเอื่อย “ก็ไม่ยังไง เจ้าว่าใครรู้จักน้ำยาเวทดีไปกว่าข้าล่ะ พวกนั้นแค่โดนน้ำยาเวทสลบ ข้าก็จัดการถอนให้จากนั้นก็เคลื่อนย้ายเกือบทั้งหมดไปซ่อนไว้แถวนี้แล้วล่ะ”

    คำตอบของมารมือซ้ายทำให้มารมือขวาเบะปากด้วยความหมั่นไส้ และทำให้ราชาแห่งเทพอ้าปากกว้างด้วยความทึ่ง ซูโฮนั้นไม่ทราบมาก่อนว่าจงอินเก่งด้านไหน พอเห็นความสามารถของเจ้านี่แล้ว ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพญามารที่เก่งกว่ามารสองตนนี้จึงได้เก่งขนาดนั้น เขาและมารมือขวายังเอาไม่อยู่ แต่ถ้ามีมารมือซ้ายมาช่วย อาจจะหยุดยั้งชานยอลไว้ก็ได้

    “ว่าแต่เจ้านี่อาการหนัก จะทำอย่างไรดี” พอเห็นสีหน้าของราชาแห่งเทพค่อนข้างจะชื่นชมตนเองแล้วจงอินก็ยิ้มกว้าง จากนั้นก็ยกมือซีดขาวมือหนึ่งซึ่งเขาใช้น้ำยาถอนเวทแบบไหนก็ทำให้เทวดาตนนี้ฟื้นไม่ได้สักที

    “จงแด!” ซูโฮเมื่อเห็นว่าจงอินพาใครมาด้วยก็ตกใจพร้อมกับพุ่งเข้าไปดูอาการเพื่อนสนิทของหลาน เขาเองไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกจึงไม่ทราบว่าจงแดโดนทำอะไรลงไปบ้าง แต่ใบหน้าขาวซีดของเทวดาหนุ่มก็ทำให้ร้อนใจนัก

    วงเวทขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนมือราชาแห่งเทพ จากนั้นเขาก็วางมันลงตรงหัวใจเทวดาข้างหน้า รอสักครู่ให้กระแสเวทไหลเวียนไปทั่ว แล้วซูโฮก็เหงื่อตก

    “เหมือนสมองค่อนข้างกระทบกระเทือนอย่างหนักเลยทีเดียว” ซูโฮพูดแล้วก็แปรพลังตรวจสอบเมื่อครู่เป็นพลังรักษา “จงแดบาดเจ็บภายในส่วนหนึ่งเป็นเพราะใช้พลังเกินขอบเขตและเป็นการใช้พลังไม่สมดุล ร่างกายจึงบอบช้ำ แต่สาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมคือสมองกระทบกระเทือนน่ะ”

    ราชาแห่งเทพบรรยายเสร็จก็ร่ายเวทรักษาอีกสองสามบท แม้จะแว่วเสียงได้ยินว่าชานยอลพบทหารมารกับพวกเทวดาสาวและกำลังประมือกันอยู่ แต่จงอินและเซฮุนก็รอให้ซูโฮรักษาเสร็จก่อน รอไม่นานเพื่อนสนิทของแบคฮยอนก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ปากหยักแม้จะมีสีเลือดขึ้นบ้างแล้วแต่ก็ยังซีดอยู่เมื่อเทียบกับเทวดาทั่วไป

    “แบคฮยอนข้าขอโทษ!” จงแดเมื่อลืมตาก็เบิกตากว้างพร้อมกับผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะชนกับหน้าซูโฮอยู่แล้ว

    “จงแด จำข้าได้ไหม” ราชาแห่งเทพประคองตัวจงแดแล้วถามเสียงนุ่ม

    “ท่านราชาแห่งเทพ...” จงแดกล่าวแค่นั้นแล้วเสียงระเบิดไม่ไกลจากพวกเขาก็ดังขึ้น

    บรึ้ม!

    มารมือขวาและซ้ายมองหน้ากันแล้วพยักหน้า ดูท่าพวกอี้ชิงจะเอาไม่อยู่แล้ว

    เซฮุนดึงแท่นวางและทีวีบางส่วนซึ่งไม่แตกหักมาใกล้ๆ จากนั้นก็ทำให้มันเป็นเกราะกำบังพวกเขาจากการต่อสู้ภายนอก จากนั้นก็เอ่ยกำชับเทวดาทั้งสอง

    “เจ้ากับจงแดรออยู่ตรงนี้ พวกข้าจะไปจัดการพญามารบ้าเลือดนี่ก่อน” พูดจบไม่รอให้ซูโฮตอบใดๆ เซฮุนกับจงอินก็หายวับจากตรงนั้นทันที

    ซูโฮส่ายหน้าเมื่อโดนมารมือขวาสั่ง แต่ก็เข้าใจว่าจงแดต้องมีคนดูแล และเจ้าบ้านั่นต้องเป็นห่วงแน่ๆ ถึงไม่ยอมให้ออกไปต่อสู้ด้วย เขาจึงเริ่มพูดคุยกับจงแดเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย และสอบถามว่าช่วงที่ทั้งสองหายไปเกิดอะไรขึ้นกันแน่



    ****lucky one and monster****

    บรึ้ม!

    เมื่อมารเพื่อนซี้ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นที่อีกฟากหนึ่งของห้อง ก็พบว่าชานยอลกำลังอาละวาดหนักทีเดียว

    แม้ว่าตอนนี้นักเวทมิติยังไม่เคลื่อนไหว แต่การที่ซึลกิยังไม่ออกมาจากมุมห้องที่ชานยอลป้องกันไว้ ก็ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนัก เซฮุนบอกกับจงอินเมื่อครู่แล้วว่าถ้าแบคฮยอนถูกผูกติดกับเตียงและสายท่อต่างๆ นั่นเรียบร้อยเมื่อไหร่ โลกต้องถึงหายนะแน่ๆ ทั้งสองจึงเข้าใจตรงกันว่าจะเข้าไปช่วยแบคฮยอนได้ ก็ต้องผ่านพญามารคลั่งเสียก่อน

    เบื้องหน้าพวกเขาคือสามสาวเทวดาอดีตลัคกี้วันและท่านแม่อี้ชิงกำลังผนึกพลังต่อสู้กับชานยอลอย่างสุดฤทธิ์ แม้ว่าเทวดาทั้งหมดที่นี่จะเก่งกาจสามารถขนาดไหน แต่พญามารก็ไม่ใช่อะไรที่จะต่อกรได้ง่ายๆ พวกเขาจึงผลัดกันรุกผลัดกันรับ โดยที่ยังไม่มีใครผ่านชานยอลไปยังมุมที่แบคฮยอนอยู่ได้เลย

    ไม่นับด้วยว่าพลังของทหารมารระดับเอสที่จงอินปล่อยออกมานั้นสู้ชานยอลไม่ได้สักนิด ตอนนี้ภาระการต่อสู้ต่างๆ จึงตกลงมาอยู่กับเทวดาอดีตลัคกี้วันกันหมด เมื่อประเมินด้วยสายตาว่าพลังสว่างเริ่มเบาลงแล้ว เซฮุนจึงได้หอบเอาพวกที่ต่อสู้ไม่ไหวไปไว้ด้านข้างจากนั้นก็ใช้ม่านพลังลมกั้นพวกเขาให้พ้นจากรัศมีการต่อสู้ด้วย

    จงอินนั้นมีรูปแบบการต่อสู้ไม่ชัดเจนมากนักเพราะเจ้าตัวจะหายวับจากมุมนี้ไปมุมนู้นอยู่ตลอด ในขณะที่เซฮุนใช้พลังลมบังคับสิ่งของหรือใช้ทำเป็นอาวุธเช่นธนู แต่ปรากฏว่าจงอินถนัดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อใช้น้ำยาเวทมากกว่า ซึ่งเจ้าหมีง่วงนั่นมีน้ำยาเวทซ่อนอยู่ในตัวเป็นร้อยๆ ชนิด ดังนั้นเมื่อครู่เขาถึงไม่ประหลาดใจเลยหลังจากจงอินทำให้ทุกคนฟื้นในชั่วพริบตา เพราะความเร็วของเจ้าดำแค่หนึ่งนาทีก็สามารถขยับตัววูบวาบไปมาได้นับร้อยครั้งแล้ว

    เซฮุนแปลงพลังมืดเป็นธนูความเร็วสูงเช่นเคย เขาเพิ่มพลังให้มันเร็วมากกว่าปกติหลายเท่าตัวแล้วยิ่งเข้าใส่ชานยอลอย่างจัง หวังว่าการโจมตีครั้งนี้จะทำให้ชานยอลหยุดชะงักได้ แต่ก็ผิดคาด เมื่อชานยอลเพียงแค่สร้างบาร์เรียมากั้นลูกธนูของเขาเอาไว้

    “โธ่เว้ย” มารมือขวาสบถเมื่อการโจมตีไม่ได้ผล เขาทั้งส่งมีดพลังลมและลูกธนูไปอีกนับไม่ถ้วนแต่ทั้งหมดกลับสลายเพียงเพราะโดนบาร์เรียของชานยอล แม้จะโดนควบคุมอยู่ แต่พญามารนี่มันก็ฉลาดจริง

    ตอนนี้เทวดาสาว ทหารเทพและทหารมารต่างก็ล่าถอยไปหมดแล้วเพราะพลังร่อยหรอ จึงเหลือแต่อี้ชิงและมารซ้ายขวาต่อสู้กับชานยอลเพื่อจะฝ่าเข้าไปอีกด้านช่วยแบคฮยอน

    เซฮุนเห็นอี้ชิงเริ่มอ่อนแรงก็รีบตะโกนใส่ “เจ้าเข้าไปหลบหลังม่านพลังลมได้แล้ว!”

    “แต่ชานยอลยังไม่ยอมสงบ ข้าอาจเป็นผู้ที่ช่วยเขา!” แต่อี้ชิงกลับตะโกนกลับมา

    “ข้ากับจงอินมีแผนแล้ว เจ้าเข้าไปเถอะ หากแบคฮยอนเป็นอะไรไป มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยได้” เซฮุนจึงได้เอ่ยเหตุผลที่เหมาะสมที่สุด อี้ชิงได้ยินก็เข้าใจ เพราะในที่นี้เขาเป็นเทวดาที่มีพลังรักษาสูงสุดนั่นเอง

    เมื่ออี้ชิงจากไปจึงเหลือเพียงเซฮุนและจงอินที่คอยประมือกับชานยอล

    มารมือขวาใช้พลังที่ตนเองถนัดและไม่ถนัดไปมากแล้ว เมื่อเห็นว่ามารมือซ้ายให้สัญญาณจึงได้ใช้เวทลับที่ซ่อนไว้เสียที

    พลังลมทั้งหมดแปรเป็นพายุหมุนขนาดย่อม มันสูบเอาทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีเข้ามาแล้วทำให้แหลกกระจายในใจกลางพายุอย่างรวดเร็ว คราวนี้ชานยอลไม่เอาแต่ตั้งรับด้วยบาร์เรียอีกแล้วเพราะรู้ว่าหากโดนเข้า การสลายพลังก็อาจจะใช้ไม่ได้ผล

    พญามารรวบรวมพลังมืดเพื่อสยบพายุหมุนที่เข้ามาใกล้ ช่วงเวลานี้เขามีสมาธิในการรวบรวมพลังอย่างมาก เพราะพายุชนิดนี้หากไม่วางพลังไว้ตรงใจกลาง ก็จะทำให้พายุไม่สามารถสงบลงได้

    แต่แล้วในขณะที่ชานยอลกำลังรวมพลังได้จนเกือบจะสลายพายุหมุนได้นั้น

    “บิงโก” เสียงหนึ่งก็ดังข้างหู จากนั้นสติของพญามารก็ดับวูบอย่างรวดเร็ว

    “สำเร็จ!” เซฮุนตะโกนอย่างดีใจพลางสลายพลังพายุหมุนด้วยตนเอง เขาแค่ล่อให้ชานยอลต้องตั้งสมาธิเพื่อรวบรวมพลังเท่านั้น แล้วจงอินที่รออยู่ก็จะค่อยๆ ขยับไปใกล้ชานยอลเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถใช้น้ำยาเวท ‘สู่ฝัน’ หรือยาสลบอย่างแรงได้

    และเมื่อชานยอลล้มลงแล้วพวกเขาก็จะไปช่วยแบคฮยอนได้เสียที

    แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปมุมด้านที่ชานยอลป้องกันไว้เมื่อครู่ ก็มีแสงสว่าง ‘พรึ่บ’ หนึ่งครั้ง จากนั้นเส้นสายที่เขาเคยเห็นมันต่อเชื่อมกับแบคฮยอนก็มีพลังงานเป็นแสงสีรุ้งไหลเวียนตลอดสาย

    พร้อมกับนักเวทมิติคนหนึ่งที่ยืนหัวเราะเมื่อเห็นว่าเครื่องนี้ทำงานได้ดั่งใจ

    และซึลกิที่ยืนข้างๆ พลางมองแบคฮยอนด้วยสายตาแสดงถึงชัยชนะอีกด้วย!




    -------------------------------------------------------------------------

    เหยยยยยย นี่มันอะไรก๊านนนนนนน
    อย่าเพิ่งขว้างรองเท้ามาหาพี่ 55555555555
    ปล.บรรยายการต่อสู้ไม่งงเนอะ ;-;

    #luckyonecb
    @noeybaekbd



    avatar
    noeybaekbd


    จำนวนข้อความ : 31
    Join date : 15/08/2016

    [EXO] dear my lucky one เทวดาที่รัก ChanBaek - Page 2 Empty Dear my lucky one เทวดาที่รัก 25 แผนซ้อนแผน

    ตั้งหัวข้อ by noeybaekbd Tue Sep 27, 2016 9:57 pm

    Dear my lucky one เทวดาที่รัก 25
    แผนซ้อนแผน






    เซฮุนถึงกับยืนอึ้งไปหลายวินาทีเมื่อเห็นว่าสายร่างแหบนตัวแบคฮยอนไม่ได้ลดลงไปเลย กลับกันมันมีจำนวนมากกว่าที่เห็นก่อนหน้านี้เยอะมาก แถมแต่ละเส้นก็มีแสงสีรุ้งวิ่งไปมาราวกับกำลังลำเลียงพลังจากร่างแบคฮยอนไปหาอะไรสักอย่าง

    จงอินนั้นถึงกับลืมวางร่างชานยอลที่ล้มลงจนตัวเองรับน้ำหนักพญามารไม่ไหวต้องนั่งลงกับพื้นไปด้วยกันเลย มารซ้ายขวาคิดเหมือนกันในตอนนี้ว่าคงโดนหลอกเข้าให้แล้ว อะไรคือพวกเขาล้มชานยอลได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าไม่สามารถเข้าไปช่วยแบคฮยอนได้ตามที่หวัง

    “ซึลกิ เจ้า...” เซฮุนกล่าวได้เพียงแค่นั้นก็หาคำพูดอื่นไม่เจอ เขางงมากกับเหตุการณ์นี้ ซึลกิคือพวกของเขาจนถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่ตอนนี้นักเวทสาวกลับยืนอยู่หลังนักเวทหนุ่มปริศนาที่เขาไม่รู้จักเสียอย่างนั้น

    “เจ้าคือคนที่เคยตามชานยอลมาถึงห้องทำงานนี่!” คนที่หาเสียงเจอก่อนกลายเป็นจงอินแทน เพราะเขาจำมินซอกได้

    “ใช่ ความจำของเจ้าดีมาก ขอชมเชย” นักเวทมิติหนุ่มตอบจงอินพลางหัวเราะสั้นๆ ก่อนจะพูดต่อ “ข้าชื่อมินซอกและข้าเป็นคนจับแบคฮยอนมาที่นี่เอง”

    “เป็นเจ้า!” เซฮุนตวาดลั่นเมื่อมินซอกยอมรับว่าเขาเป็นคนทำร้ายแบคฮยอน มารมือขวากำหมัดแน่นก่อนจะเอ่ยต่อ “เจ้าต้องการอะไร?”

    “สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่ว่าท่านจะมอบให้ข้าหรอกเพราะข้าได้มันมาแล้ว” มินซอกเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางเตียงที่แบคฮยอนนอนอยู่

    นั่นทำให้มารทั้งสองจนด้วยคำพูด พวกเขาเหมือนจะช่วยแบคฮยอนไม่ทันแล้ว แถมยังล้มชานยอลเจ้านายตัวเองไปอีก มันจะต้องย่ำแย่เพียงนี้เชียวหรือ

    “ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการ มินซอก”

    แต่ทันใดนั้น มุมที่ซูโฮซ่อนอยู่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

    “จงแด!” นักเวทหนุ่มร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าใครออกมาจากมุมนั้น จงแดในสภาพเดินแทบไม่ไหวต้องมีราชาแห่งเทพประคองนั้นทำให้ใครก็ตามที่เห็นต้องใจอ่อนยวบ

    มินซอกก็เช่นกัน เขานึกว่าจงแดตายไปแล้ว

    เซฮุนส่งสัญญาณหนึ่งทีแล้วจงอินก็เคลื่อนไหววูบวาบไปมา พาเขาไปอยู่ข้างกายซูโฮอย่างรวดเร็ว

    “เจ้ายังไม่ตายหรือ” น้ำเสียงนักเวทมิติหนุ่มทำให้เซฮุนเริ่มมีความหวัง เขาเองก็ไม่แน่ใจหรอกว่าสองเทวดาและมนุษย์นี้มีส่วนใดสัมพันธ์กัน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ จงแดเปรียบเหมือนความหวังเมื่อเจ้าตัวออกมาทำให้มินซอกหวั่นไหวได้

    “ยกเลิกปฏิบัติการนี้เสียเถอะมินซอก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากทำสักนิด”  

    เมื่อครู่หลังจากฟื้นสติและได้รับการรักษาโดยตรงจากราชาแห่งเทพรวมถึงอี้ชิงซึ่งมาสมทบทีหลังแล้ว จงแดก็ระลึกได้ถึงหลายสิ่ง แม้ความทรงจำในหัวเขาจะกระท่อนกระแท่นแต่ความรู้สึกอยู่เหนืออื่นใด มันทำให้เทวดาผู้ใช้สมองมากกว่ากำลังมานานอย่างเขา แม้จะไม่มีแรงแต่ก็ปะติดปะต่อเรื่องหลายอย่างจนถ่ายทอดสู่ซูโฮได้

    ที่จริงแล้วจงแดไม่ได้อยู่กับมินซอกเป็นเวลาห้าวันก่อนแบคฮยอนจะฟื้น เขาแค่นอนหลับไปคืนเดียวเท่านั้น แต่ความทรงจำเรื่องที่เขากับมินซอกร่วมทำการทดลองฝ่าฟันอุปสรรค ฝืนคำสั่งนายใหญ่จนทำให้เขารู้สึก ‘รัก’ มินซอกนั้น มันเป็นสิ่งที่มินซอกฝังลงในหัวเขาทั้งสิ้น!

    นั่นคือการทำงานอย่างหนึ่งของเครื่องอิลลูมิเนติเมื่อมินซอกใช้กับจงแด ครอบครัวมินซอกซึ่งจงแดคิดว่ามีอยู่จริงก็เป็นเพียงสิ่งที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น เขานั้นถูกล้างสมองแต่แรกและถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือเกลี้ยกล่อมให้แบคฮยอนยอมใช้เครื่องซุปเปอร์อิลลูมิเนตินั่นเอง

    แต่จงแดประมวลผลออกมาได้มากกว่านั้น เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมบางทีเขาถึงเชื่อมินซอกอย่างหมดใจว่าอีกฝ่ายรักเขาและอยากกลับไปหาครอบครัว นั่นเพราะมินซอกต้องการอย่างนั้นจริงๆ นักเวทหนุ่มไม่ได้ต้องการทำอย่างนี้แต่เขาเลือกไม่ได้ และคนบังคับเขาคือหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังนั่นเอง

    “เจ้าถูกซึลกิบังคับให้ทำไม่ใช่หรือ?” จงแดกล่าวออกมาแล้วยิ้ม “ถอนตัวออกจากเขา แล้วมาหาข้า” พูดจบก็กางแขนออกคล้ายกับรออีกฝ่ายโผเข้ามาหา แถมยังเดินไปใกล้ตรงที่มินซอกยืนอยู่ด้วย

    ถึงตรงนี้เซฮุนและจงอินไม่งงแล้วเพราะเมื่อครู่หลังจากเข้ามาใกล้ซูโฮ พวกเขาก็รับรู้เรื่องราวของจงแดและมินซอกผ่านเวทสื่อใจที่ราชาแห่งเทพลักลอบส่งให้ จากเมื่อครู่เหมือนตกเป็นเบี้ยรองก็รุกกลับมาเป็นต่อได้อีกครั้ง หากนักเวทหนุ่มย้ายข้าง ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น

    ข้างมินซอกมีความลังเลชั่วขณะ

    เขารู้สึกว่าตนเองต้องการจงแดมากกว่าใครก็ตอนค้นหาทั่วห้องไม่เจอร่างคนรักนั่นเอง ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าล้างสมองอีกฝ่ายเพราะจำเป็น แต่เทวดาหนุ่มกลับดูแลเอาใจใส่เขายิ่งกว่าที่คาดไว้ มันทำให้นักเวทผู้เดียวดายซ้ำยังต้องทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่นั้นสั่นคลอน

    ยอมรับว่ามินซอกรู้สึกอยากทำลายล้างทุกอย่างเมื่อคิดว่าจงแดตายไปแล้ว ทั้งเจ็บใจที่ตนเองไม่สามารถปกป้องคนรักได้ และเขาเองเพิ่งรู้ว่าหากสูญเสียจงแดไปนั้นตนก็ไม่เหลืออะไรเลย

    แม้จะรู้ว่าจงแดอาจจะไม่รักตนอย่างแท้จริงเพราะเวทคำสั่งที่ตนใส่ในสมอง ซ้ำร้ายเขายังสั่งให้จงแดไปทำร้ายแบคฮยอนอีก ก็ยังไม่วายพยายามไขว่คว้าหาจงแด

    แต่ขณะที่กำลังเอื้อมมือจนจะถึงคนรักอยู่นั้น

    “มินซอก! เจ้ากล้าขัดคำสั่งย่าทวดรึ!” ซึลกิก็ตวาดขึ้น

    “ขะ ข้า” มินซอกชะงักมือแล้วแสดงอาการกลัวออกมา มือที่ยื่นมาหาจงแดหดกลับเข้าไป ตัวสั่นเหมือนตอนพูดถึงนายใหญ่ที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้

    “เจ้าไม่ต้องการเห็นหน้าพี่น้องแล้วใช่ไหม” ซึลกิเอ่ยเสียงเย็นเยียบจนเซฮุนขนลุกไปหนึ่งแถบ หญิงสาวคนนี้น่ากลัวจริงๆ เมื่อครู่ยังแสดงให้เขาเห็นว่าห่วงชานยอลและอยากเข้าไปช่วยแบคฮยอนจากใจจริง แต่มาตอนนี้เธอกลับเผยธาตุแท้ ข่มขู่กระทั่งพวกเดียวกันเองหรือนี่

    “อย่า ท่านย่าทวด อย่าทำพวกเขา ข้าไม่กล้าอีกแล้วขอรับ” มินซอกรีบหันหน้าไปก้มลงคุกเข่าต่อหน้าซึลกิทันที หญิงสาวพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็ออกคำสั่ง

    “เจ้ามีหน้าที่ขัดขวางไม่ให้พวกนั้นมาเอาตัวแบคฮยอนไป เข้าใจมั้ย” ซึลกิพูดจบก็หันหน้าไปจัดการเครื่องมือตรงหน้าซึ่งเชื่อมต่อกับสายต่างๆ บนตัวแบคฮยอนโดยไม่หันหน้ามามองพวกเขาอีก

    ฝ่ายมินซอกนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เมื่อพบว่าจงแดมีชีวิตเขาเองก็ควรพอใจแค่ตรงนี้ แม้จะรักเทวดาตนนี้แค่ไหน แต่พี่น้องซึ่งอยู่ในกำมือท่านย่าทวดนั้นสำคัญกว่า เขามีชีวิตอยู่ก็เพื่อพี่น้องที่เป็นครอบครัวเพียงเท่านั้น!

    เซฮุนเห็นว่ามินซอกไม่ยอมใจอ่อนก็ส่งสัญญาณให้จงอินพาจงแดและซูโฮเข้าไปหลบข้างหลังก่อน ส่วนตัวเองก็แปลงพลังมืดเป็นธนูจากนั้นก็ง้างเข้าจัดการกับมินซอกทันที

    นักเวทมิติมีพลังอาจจะไม่มากแต่มินซอกไม่ใช่นักเวทธรรมดา เขาเป็นลูกหลานสายตรงของนักเวทมิติหญิงที่เก่งกาจ และเป็นหนึ่งในพันคนที่ได้รับพลังมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ประกอบกับการฝึกหนักเกินมนุษย์ทั่วไปมาเกือบห้าสิบปี ใช่ว่าเขาจะรับมือมารอายุพันกว่าปีไม่ได้

    ร่างเล็กเปิดคัมภีร์เวทด้วยความรวดเร็วแล้วบาร์เรียก็ผุดขึ้นป้องกันลูกธนูพลังมืดจากเซฮุนได้ทันควัน เขาไม่รอช้าใช้เวทอีกบทส่งตัวเองเข้าไปใกล้มารหนุ่ม จากนั้นก็สาดผงมืดใส่ตาพร้อมน้ำยาเวทพิษอีกจำนวนหนึ่ง แม้เซฮุนจะหลบได้เช่นกัน แต่น้ำยาเวทพิษมีละอองโจมตีเป็นวงกว้าง หมอกที่เกิดจากละอองทำให้ตรงนั้นเต็มไปด้วยควันสีน้ำตาล แม้มารมือขวาหลบจากศูนย์กลางได้แต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี

    มารหนุ่มจึงกางปีกเพื่อจะหลบจากละอองเวทพิษแต่กลายเป็นช่องว่างให้มินซอกโจมตีต่อ นักเวทหนุ่มเข้าประชิดตัวจากนั้นก็ใช้กริชกรีดปีกจนเป็นแผล เมื่อเซฮุนบินขึ้นไปไม่ได้จึงตกอยู่ในกลุ่มละอองพิษ เกิดอาการชาไปทั้งตัว

    กริชลมพลังมืดถูกส่งออกไปเมื่อตัวเองขยับไม่ได้ แต่มินซอกก็เร็วใช่เล่น ร่างเล็กขยับวูบวาบไปมาหลบกริชได้เกือบทั้งหมด แม้จะโดนอยู่บ้างก็มีแผลแค่เล็กน้อย ตอนนี้เซฮุนจึงตกเป็นรองเมื่อต้องนอนอยู่กับพื้นและพลังมืดนั้นต้องแบ่งมารักษาตัวส่วนหนึ่ง

    จงอินเห็นท่าไม่ดี จึงรีบหายตัวไปอุ้มเจ้าเพื่อนยากมาให้อี้ชิงรักษาโดยด่วน ส่วนตัวเองก็เข้าไปประจันหน้ากับมินซอก ละอองพิษใช้ไม่ได้ผลแล้วเมื่อจงอินมียาถอนพิษนับร้อยอยู่ในตัว นักเวทมิติจึงต้องใช้การโจมตีเข้าตรงๆ แทน

    คราวนี้มารมือซ้ายตั้งท่ารออยู่แล้ว แม้ส่วนใหญ่เขาจะใช้การหายตัวและน้ำยาเวทพิษบ่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าจะต่อสู้ตรงๆ ไม่เป็น ดาบจากพลังมืดออกมารับเมื่อมินซอกใช้กริชโค้งขนาดหนึ่งศอกฟาดใส่ จงอินหลบวิถีกริชและใช้ดาบรับแรงจากนั้นก็ตวัดไปทางนักเวทหนุ่มอย่างรวดเร็ว ทั้งสองต่อสู้กันไปมาในขณะที่คนอื่นได้แต่เอาใจช่วย

    เคร้ง! ผ่านไปไม่นานดาบในมือจงอินกลับขาดสะบั้นและกลายเป็นมินซอกยื่นกริชโค้งเข้าที่ปลายคางอีกฝ่ายแทน ซูโฮที่มองอยู่ถึงกับตื่นตระหนก เขาเองคิดว่ามารมือซ้ายเก่งกาจแต่ไม่คิดว่านักเวทมิติหนุ่มนั่นจะเก่งถึงเพียงนี้ อันที่จริงซูโฮไม่รู้หรอกว่าจงอินเองก็มีพลังจำกัด ก่อนหน้านี้ใช้การหายตัวไปช่วยคนนั้นคนนี้มามากมายแล้ว ตอนนี้จึงแรงตก ไม่ต่างจากเซฮุนซึ่งนอนบนตักราชาเทพเพราะโดนละอองพิษนั่นเลย

    “มินซอก อย่าฆ่าเขา” ในขณะที่ทุกคนกำลังเหงื่อตก จงแดก็ออกมาจากที่กำบังอีกครั้ง ร่างผอมของเทวดาทำเอามนุษย์หนุ่มชะงักอีกครั้ง

    “อย่าออกมาจงแด ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า” มือที่กำกริชโค้งสั่นเทา น้ำตาก็คลอเบ้าเพราะกำลังลำบากใจ ตอนนี้ท่านย่าทวดกำลังดูเขาอยู่ มินซอกขัดคำสั่งไม่ได้ หากจงแดเข้ามาจริงๆ เขาก็คง...

    “เจ้าฝืนอยู่ ข้ารู้” แม้ร่างกายจะอ่อนแอแต่จิตใจจงแดไม่เป็นอย่างนั้น เทวดาหนุ่มขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนมินซอกต้องถอยห่างเสียเอง

    แต่ยิ่งมนุษย์หนุ่มเดินถอยไปเท่าไหร่ เทวดาผู้จริงใจกลับเข้ามาใกล้มากเท่านั้น

    “ไม่ อย่าเข้ามา จงแด! บอกว่าอย่าเข้ามา!”

    ฉึก!

    สิ้นคำว่าอย่าเข้ามา มินซอกก็ชะงักอยู่กับที่ทันทีเมื่อจงแดเอาตัวเข้ามาโดนกริชโค้งของเขา ดูราวกับเทวดาหนุ่มยังไม่หนำใจจึงดันตัวเองเข้ามาจนกริชจมลงในท้องมิดด้าม จากนั้นก็กอดมินซอกไว้แน่น

    “พอเถอะ ให้ชีวิตข้าแลกกับการหยุดเจ้าได้ไหม”

    เลือดสดๆ ไหลเปรอะร่างทั้งจงแดและมินซอกอย่างน่ากลัว นักเวทหนุ่มเข่าอ่อนจนลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับเทวดาที่เสียเลือดจนยืนไม่ไหวเช่นกัน

    “จงแด ทำไมต้องทำอย่างนี้ ทำไม...”

    ภาพตรงหน้าพาให้หัวใจคนมองสั่นไหวมากนัก มินซอกที่มุ่งมั่นต่อสู้เอาชนะมารซ้ายขวาเมื่อครู่สั่นไปทั้งตัวแต่ก็ไม่อาจหลุดจากอ้อมกอดของเทวดาที่รักได้ จงแดคล้ายกับไม่เจ็บแต่อย่างใดเมื่อเขากอดรัดนักเวทหนุ่มไว้พลางลูบหลังอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน

    “เจ้าไม่ได้รักข้าจริงนี่นาจงแด เจ้าโดนข้าฝังความคิดลงในหัวไม่ใช่หรือ?” มินซอกถามด้วยน้ำตา เขาอยากจะดึงจงแดออกจากตัวแต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่ซบลงกับอกเทวดาและถามเสียงสั่น

    “ก็จริงอยู่ว่าข้าอาจจะโดนเจ้าล้างสมองมา แต่เจ้านั่นแหละที่รักข้าก่อนไม่ใช่หรือ?”

    คำตอบของจงแดทำเอามินซอกร้องไห้สะอึกสะอื้น

    “ที่แท้เจ้าได้สตินานแล้วทำไมถึงแกล้งทำเป็นเชื่อฟังข้า เจ้าโง่ เจ้าจะหนีไปก็ได้แต่ทำไมไม่ทำล่ะ โง่ที่สุด” มินซอกกล่าวทั้งน้ำตา ถึงกับลงมือทุบอกอีกฝ่ายจนกระอักเลือดด้วย

    อึ่ก จงแดเจ็บแผลแต่ตอนนี้อบอุ่นในหัวใจมากนัก ใครว่าเขาได้สติตั้งนานแล้วกันเล่า เขาแค่ได้สติตอนไปหาแบคฮยอนก่อนมาที่นี่ต่างหาก แต่ก็ตรงกับมินซอกพูดนั่นแหละ เขามันโง่ ไม่ยอมหนีเอง ขนาดรู้ว่าโดนหลอกให้รัก แต่พอเห็นท่าทางมินซอกนั้นรักเขาจริงมันก็ไปไหนไม่ได้

    คงจะเหมือนที่แบคฮยอนไม่ยอมหนีไปจากห้องวิจัยนี้แต่แรก แถมยังกลับมาช่วยชานยอลจนตัวเองตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งล่ะมั้ง

    “เจ้าช่วยข้าหน่อยสิมินซอก”

    “ช่วยอะไร?”

    “ช่วยหยุดทำงานวิจัยบ้าๆ นี่ อย่าทำให้คนอีกนับหมื่นต้องเป็นแบบข้า” จงแดไอเป็นเลือดครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมินซอกออกจากอ้อมกอด

    “การฝังความคิดของตนเองหรือกระทั่งความทรงจำผิดๆ มันทำให้คนคนนั้นสมองกระทบกระเทือนจนคาดไม่ถึงนะ ข้าเองแม้จะได้รับการรักษาจากเทวดาที่เก่งที่สุด แต่ก็รู้ดีว่าเหลือเวลาอีกไม่นานนัก”

    “จงแด ขอร้อง อย่าเพิ่งเป็นอะไร...”

    “เจ้าหยุดเถอะ ซึลกินั้นอีกไม่นานก็คงต้องชดใช้กรรมที่ทำไว้ พี่น้องของเจ้าเองก็จะได้รับการปลดปล่อย ตอนนี้เจ้าอย่าฆ่าใครอีกเลย ขอให้ข้าเป็นคน ไม่สิ เป็นเทวดาตนสุดท้ายของเจ้า”

    จงแดเริ่มปล่อยให้มินซอกเป็นอิสระครู่หนึ่ง นักเวทหนุ่มจึงรีบค้นเอาคัมภีร์เวทเกี่ยวกับการรักษาออกมา หวังในใจว่าขอให้ทัน ขออย่าให้คนรักของเขาเป็นอะไรไปเลย

    แต่จงแดกลับไม่ยอมให้มินซอกทำอย่างนั้น เมื่อมือซีดขาวยกคางมนุษย์หนุ่มขึ้นมา จากนั้นก็จุมพิตลงช้าๆ

    เวลาผ่านไปแค่ชั่วอึดใจเท่านั้นเมื่อจงแดค่อยๆ ผละปากออก จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

    “ลาก่อน”

    เทวดาหนุ่มหลับตาลงช้าๆ จากนั้นมือที่เชยคางนักเวทไว้เมื่อครู่ก็ทิ้งตัวลงท่ามกลางสายตาของทุกคน


    “ม่ายยยยยยยยยย”


    แล้วภาพที่ทุกคนเห็นต่อมาก็คือนักเวทหนุ่มกอดร่างหนึ่งไว้แน่น ร้องโหยหวนราวกับจะขาดใจตายตามไปให้ได้อยู่ตรงนั้น



    ****lucky one and monster****




    ซึลกิเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่เพราะเธอกำลังสาละวนอยู่กับการตั้งค่าเครื่องดูดพลังงานจึงเข้าไปยับยั้งเหตุการณ์ไว้ไม่ทัน

    ตอนนี้เชื้อสายที่ดีที่สุดของเธออาจจะเข้ามาช่วยเธอไว้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะสติของเด็กนั่นคงหลุดลอยไปพร้อมๆ กับการตายของเทวดานั่น

    “มินซอก! เจ้ามันไม่เอาไหน” เธอสบถใส่ฉากเศร้าตรงหน้า จากนั้นก็ออกคำสั่ง

    “เด็กๆ” สิ้นเสียงนักเวทสาว หุ่นยนต์หญิงสาวชุดขาวหน้ากากแดงราวยี่สิบตัวก็พุ่งออกไปทันที

    ชิ้ง!

    เสียงกระบี่พลังสว่างของอี้ชิงดังขึ้นทันทีเมื่อหุ่นยนต์สาวเข้ามาจะทำร้ายนักเวทหนุ่มและเทวดาน้อยที่เพิ่งสิ้นใจเมื่อครู่นี้ สามสาวลัคกี้วันที่ยังไม่ฟื้นตัวดีก็เริ่มเข้ามาต่อสู้กับหุ่นยนต์ด้วยเช่นกัน ซึ่งเห็นได้ว่านี่คือกำลังที่ซึลกิซุ่มซ่อนไว้ เพราะความสามารถของหุ่นยนต์พวกนี้ต่างระดับกับพวกที่เคยเจอมากนัก

    เซฮุนยังไม่ฟื้นจากละอองพิษก็เข้ามาร่วมการต่อสู้ด้วยคน แม้ซูโฮจะห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง เพราะตอนนี้มารและเทวดาทุกตนต้องมาต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่ไม่มีวันล้มอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่สู้ก็ตาย มันมีแค่นั้น

    มารมือขวามองหามารมือซ้ายเห็นว่าจงอินกำลังติดพันการต่อสู้กับหุ่นยนต์กว่าสามตัวอยู่ก็ส่งลูกธนูไปช่วยขัดขวางหุ่นยนต์ตัวหนึ่งให้ แต่กลายเป็นว่าหุ่นยนต์ตัวนั้นกลับพุ่งมาหาเขาเองจนต้องแปลงธนูเป็นดาบแล้วกวัดแกว่งป้องกันตัวแทน

    ฝ่ายซูโฮก็ต้องออกมาจากที่ซ่อนด้วยเช่นกัน แต่เขาพุ่งไปที่จงแดกับมินซอกเพื่อป้องกันร่างของเพื่อนสนิทหลานชายไว้ แบคฮยอนคงต้องการบอกลาจงแดอยู่เป็นแน่ และเขาเองคิดว่ามินซอกยังไม่ควรจะตายในตอนนี้ ราชาแห่งเทพกับลัคกี้วันอี้ชิงจึงต่อสู้ร่วมกันท่ามกลางเสียงร้องไห้ของนักเวทมิติหนุ่ม

    การต่อสู้ดำเนินไปหลายนาที พวกเซฮุนก็ยังไม่สามารถกำจัดหุ่นยนต์ให้หมดไปได้เสียที มิหน้ำซ้ำบางคนที่อ่อนเพลียเพราะถูกน้ำยาเวทของมินซอกทำให้สลบก่อนหน้านี้ยังมีเรี่ยวแรงน้อยกว่าปกติด้วย แม้จะได้น้ำยาเวทของจงอินปลุกให้ตื่นแต่มารและเทวดาก็มีพลังจำกัด การต่อสู้จึงยืดเยื้อจนไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยแบคฮยอนได้เลย

    และขณะที่เซฮุนกำจัดหุ่นยนต์ไปได้อีกตัว เขาก็เหลือบไปเห็นซึลกิกดปุ่มหนึ่ง จากนั้นสิ่งที่ทุกคนกลัวก็เหมือนจะเกิดขึ้น

    “อ๊ากกกกกกกกกก” เสียงร้องของแบคฮยอนทำให้ทั้งมาร เทวดาและหุ่นยนต์หยุดชะงักชั่วครู่

    เซฮุนมองไปยังเตียงที่แบคฮยอนนอนอยู่ก็พบว่าเจ้าตัวเล็กของเขากำลังกรีดร้องทั้งๆ ที่นอนอยู่พร้อมสายระโยงระยางเต็มไปหมด แต่แสงสีรุ้งที่เขาเห็นมันหล่อเลี้ยงสายเหล่านี้หายไปแล้ว กลับทาบทับด้วยแสงสีขาวประกายเจิดจ้าจนแทบจะไม่เห็นร่างเทวดาตัวน้อยแทน

    มารมือขวาร้อนใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยของเขามีเลือดแดงฉานปรากฏอยู่เกือบทุกแห่งของร่างกาย หรือนี่จะเป็นสิ่งที่ซึลกิกล่าวว่าเครื่องนี้อันตรายแค่ไหน ไม่ได้การ เขาจะต้องไปช่วยแบคฮยอนเดี๋ยวนี้

    เซฮุนใช้พลังมืดที่เหลืออยู่ปล่อยใส่หุ่นยนต์ที่ต่อสู้อยู่ แล้วกระโจนไปทางแบคฮยอนอย่างรวดเร็ว แต่บาดแผลที่มินซอกฝากไว้ที่ปีกยังกระทบตัวเขาไม่น้อยจึงกระโดดได้ทีละนิด ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็โดนหุ่นยนต์ขวางเอาไว้อีก

    “โธ่เว้ย จงอิน!” มารมือขวาตะโกนหวังจะให้เพื่อนมาช่วยแต่ทางจงอินก็ติดพันขนาดหนัก เขาสบถอย่างหัวเสียอีกครั้งจากนั้นก็หันไปหาตัวช่วย แต่ทุกทางก็พบว่ากำลังติดพันการต่อสู้อยู่ทั้งสิ้น ไม่นับว่าทหารระดับเอสบางนายตายไปแล้วด้วยซ้ำ

    แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่อยากให้แบคฮยอนเจ็บไปกว่านี้ เมื่อจู่ๆ มีเสียงเคร้ง! แล้วคยองซูซึ่งโผล่มาจากตรงไหนไม่รู้เข้าไปตัดเส้นสายบนตัวแบคฮยอนและทำลายหน้าจอที่ซึลกิควบคุมอยู่

    “เจ้าเป็นใคร” นักเวทสาวร้องขึ้นเสียงดังทันทีที่เครื่องขัดข้อง ซึลกิสั่งให้หุ่นยนต์ตัวหนึ่งมารับมือกับคยองซู ส่วนเธอรีบต่อสายสำรองจากนั้นก็เดินเครื่องต่ออย่างรวดเร็ว

    จากที่เซฮุนเห็นว่าคยองซูจะช่วยแบคฮยอนได้ก็กลายเป็นว่ายังทำไม่สำเร็จ มารหนุ่มร้อนใจมากแล้วตอนนี้ สายตาพยายามหาทางเข้าไปใกล้เจ้าตัวเล็ก แต่ก็โดนหุ่นยนต์สาวซึ่งไม่รู้โผล่มาจากไหนมาขวางไว้ทุกที พลันเขาเห็นหน้าจอทีวีที่ยังไม่พังอันหนึ่ง ฉายภาพผู้นำประเทศหนึ่งกำลังสวมใส่แว่นตาหนาคล้ายเครื่องวิชวลเรียลลิตี้อันหนึ่งท่ามกลางเสียงเชียร์ของลูกน้อง

    มารมือขวารับดาบจากหุ่นยนต์อีกครั้งจากนั้นก็หันไปดูภาพจากทีวีต่อ กลายเป็นภาพผู้นำประเทศกำลังคลั่ง เส้นเลือดข้างศีรษะปูดโปนและมือสั่นเทา จากนั้นก็ล้มลงไปแล้วลุกขึ้นมาทำร้ายลูกน้องตนเอง นั่นทำให้เขาขนลุกกับผลของเครื่องอิลลูมิเนติและตะโกนไปทางคยองซูด้วยเสียงอันดัง

    “คยองซู รีบหยุดการทำงานเครื่องนั้นเร็วเข้า!”

    คยองซูเมื่อเห็นมารมือขวาตะโกนมาก็รีบจัดการหุ่นยนต์ให้พ้นทางจากนั้นก็ทำลายเส้นสายบนตัวแบคฮยอนอีกครั้งหนึ่ง หากแต่คราวนี้ซึลกิเตรียมรับมือไว้แล้ว เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากตัดสายเรืองแสงไปสองเส้น แถมยังเข้าไปทำลายแผงควบคุมไม่ได้ด้วยซ้ำ

    สถานการณ์เริ่มย่ำแย่เมื่อเซฮุนมองไปยังจอทีวีอีกสองสามอันที่เหลือ ก็ปรากฏภาพคนที่ใส่เครื่องนั่นเกิดอาการคลุ้มคลั่งทุกคน ไม่รู้ว่าซึลกิจงใจให้พวกนั้นเป็นแบบนั้นหรือเพราะพลังของแบคฮยอนมากเกินไปกันแน่ ถ้าแบคฮยอนรู้ว่าพลังของตนเองทำให้คนนับร้อยเป็นบ้า เจ้าตัวคงจะเสียใจมาก

    แต่เซฮุนก็ไม่สามารถเข้าไปถึงตรงนั้นได้อยู่ดี และคยองซูก็ยังต่อสู้กับซึลกิโดยที่ไม่สามารถเข้าไปแตะต้องแผงควบคุมได้ด้วยซ้ำ

    พระเจ้า... ได้โปรดช่วยแบคฮยอนด้วยเถิด

    ในเวลาคับขันอย่างนี้เขาไม่รู้จะเรียกร้องความช่วยเหลือจากใครแล้ว



    “หยุดเดี๋ยวนี้ ซึลกิ!”


    แล้วเสียงดังราวกับฟ้าผ่า พร้อมเพลิงไฟทำลายแผงควบคุมก็ส่งมาราวกับได้ยินคำขอของเซฮุน!



    หลบหน่อย! พระเอกมา!
    ปล.พี่จงแด น้องขอโทษ น้องไม่ได้ตั้งใจฆ่าพี่ ฮื่ออออออออออออ
    ปล.2 พี่ไม่ได้เกลียดซึลกินะ พี่ชอบซึลกิมากกกกกก แต่บทมันไม่ค่อยมีเลยให้ซึลกิร้าย แต่ก็ไม่ร้ายจริงหรอก รอตอนหน้าน้า
    ปล.3 หน้ามินซอกที่มีผมยาวแอบเหมือนซึลกิด้วยอ่ะ >.<

    #luckyonecb
    @noeybaekbd
    avatar
    noeybaekbd


    จำนวนข้อความ : 31
    Join date : 15/08/2016

    [EXO] dear my lucky one เทวดาที่รัก ChanBaek - Page 2 Empty Dear my lucky one เทวดาที่รัก 26 (END) ความจริงปรากฏ

    ตั้งหัวข้อ by noeybaekbd Fri Sep 30, 2016 11:07 pm



    Dear my lucky one เทวดาที่รัก 26 (END)
    ความจริงปรากฏ





    เพลิงไฟนั้นไม่แค่ส่งไปที่แผงควบคุมเท่านั้น แต่ยังส่งเป็นลูกธนูเพลิงขนาดใหญ่แยกเป็นสายด้วย แต่ละลูกล็อกเป้าหมายเป็นหุ่นยนต์ที่กำลังต่อสู้ทั้งสิ้น เมื่อธนูเพลิงสัมผัสกับร่างของหุ่นยนต์ก็หลอมละลายหุ่นยนต์พวกนี้จนกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา

    เซฮุนถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเพลิงที่เขาเห็นนั้นคือเพลิงสีขาวอมฟ้าซึ่งมีความร้อนสูงสุด แต่เพลิงไฟนี้เชื่อฟังเจ้านายของมันยิ่งนัก ถึงได้ไม่ทำให้พวกเขาร้อนเสียด้วยซ้ำ

    ใช่แล้ว! นี่มันเพลิงไฟควอนตัม สุดยอดไม้ตายของพญามารหัวหน้าพวกเขา

    ชานยอลนั่นเอง!

    พญามารขยับไปตรงเตียงที่แบคฮยอนนอนอยู่ จากนั้นก็กระชากสายบนตัวแบคฮยอนขาดสะบั้น ยกคนรักขึ้นมากอดแนบอกพลางส่งพลังรักษาเพื่อปิดแผลส่วนใหญ่และห้ามเลือดก่อน จากนั้นก็ส่งแบคฮยอนให้คยองซูดูแล แล้วใช้เชือกเพลิงมัดซึลกิไว้

    “เจ้าจะยอมแพ้ได้รึยัง ซึลกิ” น้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนกับเลขาสาวหายไปเมื่อตอนนี้หญิงสาวที่เขาเคยไว้ใจกลับอยู่เบื้องหลังการทำร้ายตนเองมานักต่อนัก

    ชานยอลตอนนี้เรียกว่าโมโหหนักยังน้อยไปเพราะเขาสามารถเฉือนนักเวทสาวตรงหน้าได้มากกว่าล้านชิ้นถ้าทำได้ เหลือบมองแบคฮยอนที่อยู่ในอ้อมกอดคยองซูผู้ร่ายเวทรักษาแล้วเขายิ่งหงุดหงิด ถ้าหากเขารู้สึกตัวเร็วสักหน่อยเทวดาตัวน้อยคงไม่บาดเจ็บหนักแบบนี้

    “ท่าน! ทำไมถึงรู้สึกตัวเร็วเช่นนี้!” นักเวทสาวดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแต่ไม่ง่ายนัก นั่นทำให้ชานยอลพอใจ จากนั้นก็เพิ่มตาข่ายเพลิงอีกนิด เขาเองอยากจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ทุกคนที่นี่ฟังเช่นกัน

    “อันที่จริงข้ารู้แต่แรกแล้วซึลกิ เพราะคยองซูช่วยเหลือข้าไว้”

    ชานยอลเกริ่นนำแล้วหันไปยิ้มให้กับคยองซูที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็เล่าต่อว่าเขานั้นสงสัยซึลกิมานานแล้วแต่เพราะเลขาสาวยังไม่แบไต๋จึงไม่ได้ทำอะไรมากนัก

    คยองซูคือผู้ที่ช่วยเหลือชานยอลแต่แรก เนื่องจากไม่ได้ข่าวจากซึลกิมานาน พญามารจึงให้เลขาลำดับสองสืบความเป็นไปของเลขาลำดับหนึ่งของตนเอง ก็ได้ความว่านางกำลังติดต่อกับผู้มีชื่อเสียงใหญ่โตเช่นเดิม แต่มีบางช่วงที่ตามหาบนโลกไม่ได้ ราวกับหายไปใต้โลกเสียอย่างนั้น นั่นทำให้ชานยอลสงสัยว่าซึลกิกำลังซ่อนอะไรอยู่

    และแล้วไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พบว่าซึลกิซ่องสุมกำลังจำนวนหนึ่งไว้ลับๆ หญิงสาวทำอย่างนี้มาเป็นเวลากว่าสองร้อยปีแล้วแต่ชานยอลกลับเพิ่งค้นพบ นั่นทำให้เขาคิดว่าการจะกระชากหน้ากากนางต้องทำให้แนบเนียนกว่านี้ และเขายังไม่รู้ว่านางกำลังทำวิจัยเครื่องบ้าๆ นี่อยู่ด้วย

    ชานยอลนั้นกังวลไม่น้อยเช่นกันเมื่อซึลกิขอมาช่วยแบคฮยอนด้วย เขาจึงนำกำลังทหารมารระดับเอสมาจำนวนหนึ่งด้วย กระนั้นเมื่อซึลกิพาเขาเข้ามาฐานทัพลับ ชานยอลกลับเสียรู้โดนจับจนได้ เขานั้นอุตส่าห์ให้ซึลกิไปกับซูโฮผู้มีประสบการณ์และเซฮุนผู้เชี่ยวชาญการหลบหนี เผื่อว่านางจะทำอะไรไม่ดีเข้า ที่เขาไม่ให้ซึลกิไปกับจงอินก็เพราะเจ้ามารมือซ้ายนี่ชอบง่วงไม่เป็นเวลาเดี๋ยวจะพลาดท่าได้ง่ายๆ

    “แล้วเจ้าดำมันก็หลับจนโดนจับได้ ส่วนข้าก็หลบหนีจากการถูกจับจริงๆ ด้วย บ้าชะมัด” ถึงตรงนี้เซฮุนบ่นออกมาดังๆ เมื่อได้ฟังเรื่องจากชานยอล อยากจะด่าเพื่อนสักยกที่มันให้เขามากับตัวอันตรายอย่างซึลกิ แต่ก็จริงที่ว่าถ้าให้นางไปกับจงอิน มีหวังได้โดนทำอะไรมากมายเพราะความง่วงไม่เป็นเวลาของเจ้านั่นด้วย

    มารมือขวาส่งธนูลมไปทางมารมือซ้ายหนึ่งรอบ ซึ่งอีกฝ่ายก็หลบได้อย่างชิลๆ แล้วหันหน้ามาถามเขาด้วย “เค้าทำผิดอะไร?”

    “มันน่านัก” มารมือขวากลอกตามองบนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ฟังเรื่องจากปากเจ้านายตัวเองต่อ

    ชานยอลจึงเล่าต่อว่าเขาเองพลาดที่ถูกจับแต่ก็พอรู้ว่าจะต้องโดนลูกไม้อะไรสักอย่างแน่ๆ จึงร่ายเวทปิดกั้นจิตใจรวมถึงเวทป้องกันตัวต่างๆ รอไว้แล้ว แต่กระนั้นก็ยังถูกใช้เครื่องอิลลูมิเนติล้างสมองจนได้ มินซอกทำให้เขามองเห็นแบคฮยอนเป็นดั่งภาพหลอนของศัตรู ชานยอลจึงได้ตามส่งเพลิงบรรลัยกัลป์ใส่คนรักเพราะเข้าใจว่าเป็นศัตรูที่ทำร้ายเขาอยู่

    พญามารมาได้สติเมื่อตอนแบคฮยอนร้องว่าเจ็บตอนนั้นเอง เขาได้สติมาเพียงครึ่งเดียวก็ยังทำอะไรไม่ได้มากนัก จึงได้แต่ทำตามคำสั่งมินซอกให้โจมตีแบคฮยอนจนสลบ แม้ตอนนั้นจะรู้ตัวบ้างแล้วแต่ก็ยังต้องทำเพื่อให้ฝ่ายซึลกิเผยธาตุแท้ออกมาให้ได้

    จนกระทั่งเซฮุนพาซึลกิมาที่ห้องนี้และเลขาสาวเริ่มเข้าไปใกล้แบคฮยอนเพื่อทำงานของตนให้สำเร็จ ชานยอลจึงแกล้งทำเป็นว่ายังไม่ได้สติต่อไป เขาใช้เวทอ่อนๆ กับพวกอี้ชิงและทหารระดับเอสเพื่อให้นางตายใจ แต่คาดไม่ถึงว่าจงอินกับเซฮุนกลับร่วมมือกันทำให้เขานั้นสลบเสียอย่างนั้น

    “ตรงนี้ข้าคาดโทษเจ้าไว้นะจงอิน เซฮุน ถ้าไม่ใช่ว่าคยองซูเข้ามาช่วยให้ข้าฟื้นเพราะเขาคิดว่าข้าได้สติแล้ว ดีไม่ดีตอนนี้พวกเจ้าอาจจะแย่ก็ได้” พญามารกล่าวโทษมารซ้ายขวาให้สะดุ้งเล็กน้อย

    “เอ้า ก็ใครมันจะรู้ว่าเจ้าได้สติแล้วกันเล่า” เซฮุนจึงตะโกนตอบ

    “ใช่ๆ ข้าไม่ผิดนะ ใช่ไหมคยองซู” จงอินก็หาพรรคพวกอีกแรง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคนรักทำหน้างอง้ำใส่

    “ถ้าเจ้ามาถามข้าก่อนก็จะไม่ต้องทำร้ายท่านชานยอลแล้วไหม?” คยองซูเลขาลำดับสองพูดเสียงเรียบเฉย

    “แง แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้ารู้เรื่องอะไรนี่นา ข้าแค่อยากป้องกันอันตรายจึงพาเจ้าไปหลบแล้วไม่ให้ต่อสู้ แต่เจ้ากลับออกมาเสียนี่ ข้าเลยต้องล้มชานยอลเพื่อไม่ให้ทำร้ายเจ้า” จงอินตอบกลับด้วยน้ำเสียงงอน ส่งผลให้มารมือขวากลอกตามองบนหนึ่งทีและเลขาลำดับสองตอบกลับด้วยเสียงเย็นไปอีก

    “ใครใช้ให้เจ้าไปดูแลคนอื่นก่อนเล่า เจ้าหมีโง่ ดันหลับจนโดนเขาจับมาอีก”
    “ก็ตอนนั้นข้ากอดเจ้าอยู่แล้วกลิ่นตัวเจ้าหอม ข้าก็เลยง่วง”
    “จงอิน! อย่ามาโทษกลิ่นน้ำหอมที่เจ้าพ่นใส่ข้าเมื่อเช้านะ”

    “โอ๊ย พวกเจ้าไปเถียงกันที่บ้านสิ”

    ในที่สุดราชาแห่งเทพก็ทนไม่ไหวกล่าวขัดในที่สุด “ชานยอลเจ้าผิดที่ไม่บอกพวกข้านะ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่ต้องเสียจงแดไปก็ได้” ซูโฮแย้งขึ้นจนชานยอลรู้สึกผิดทันที

    แม้หลังจากชานยอลสลบ ซึลกิจะเปิดเผยตัวตนออกมา แต่นั่นก็ทำให้อะไรแย่ไปบ้าง อย่างเช่นการตายของจงแด เทวดาเพื่อนสนิทของแบคฮยอนซึ่งชานยอลเสียใจมาก

    “ข้าขอโทษที่ไม่เปิดเผยว่าข้านั้นมีสติเมื่อไหร่ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็อาจจะไม่ตาย จงแด” ชานยอลขอโทษจากใจจริงพลางหันมองไปทางร่างที่มินซอกกอดแนบอกไว้ นักเวทหนุ่มยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น พญามารจึงเล่าสิ่งที่เขารับรู้จากข่าวของคยองซูด้วย

    “มินซอก ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าพี่น้องของเจ้าปลอดภัยดี เราทราบแล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน และเราจะไปช่วยพวกเขาทันทีที่จัดการซึลกิได้”

    หลังจากพญามารให้สัญญา นักเวทผู้หมดอาลัยตายอยากก็ผงกหัวขึ้น แม้น้ำตาจะไม่เหือดแห้งแต่ก็คล้ายว่าความเศร้าในใจลดลงนิดนึงแล้ว อย่างน้อยพี่น้องของเขาก็ยังมีชีวิต

    “ขอบคุณขอรับ พญามาร” ชายหนุ่มคำนับเบาๆ หนึ่งทีแทนคำขอบคุณ จากนั้นก็กอดร่างจงแดไว้เช่นเดิม

    “เจ้า! มินซอก จะไม่เข้ามาช่วยย่าทวดเหรอห๊ะ” แต่ร่างหญิงสาวที่อยู่ในพันธนาการของชานยอลกลับกล่าวขึ้นด้วยความโมโห

    “เจ้ายังคิดจะหนีไปไหนอีกซึลกิ มันจบลงแล้ว เจ้าจงไปรับโทษกับพระเจ้าเถอะ” พญามารกล่าวให้นักเวทสาวสงบ โทษของซึลกิผู้ได้รับพรจากพระเจ้ามาทำเรื่องร้ายๆ ก็ต้องพานางไปให้วิหารศักดิ์สิทธิ์ทำโทษเท่านั้น

    “ไม่! โครงการนี้ข้าอุตส่าห์ทำมากว่าสามร้อยปี ข้าคัดสรรเด็กๆ หลายพันคนจนได้มินซอก ให้เขาได้คุมอำนาจ ให้เขาได้ลิ้มรสความสุขสบาย แต่ทำไมเจ้าต้องหักหลังข้า” นางหันไปพูดกับนักเวทหนุ่มด้วยความโมโห

    “ท่านย่าทวด! ท่านยังกล้าบอกว่าให้ข้าได้รับความสุขสบายอีกหรือขอรับ การฝึกหนักของท่านกว่าห้าสิบปีตั้งแต่ข้าเกิด ไม่รวมถึงการทรมานพี่น้องของข้าให้เห็นอีก ข้าปวดใจมานานเพราะท่าน แถมตอนนี้จงแดก็ยังต้องมาตายเพราะท่านอีก!” มินซอกตวาดลั่นใส่ซึลกิ นั่นทำให้นางหน้าซีดไปหนึ่งแถบ แต่สักพักก็หัวเราะ

    “ฮ่าๆ ในที่สุดข้าก็ต้องสยบให้กับท่านเหมือนเคย เหมือนกับตอนนั้นที่ข้าเคยแพ้ให้กับท่านมาก่อน พญามาร!” นางกล่าวคล้ายคนเสียสติ

    “อย่างไร” ชานยอลเอ่ยเสียงเย็น

    “ก็ตอนที่ท่านขึ้นมาบนโลกแล้วก็พรากท่านแม่ของข้าไปอย่างไรเล่า”

    นั่นทำให้ชานยอลคิดได้ นักเวทมิติสาวคนดีที่เขารู้จักคนหนึ่งแต่งงานกับมาเฟียด้วยความเข้าใจผิด หญิงสาวเสียใจมากที่ได้ให้กำเนิดสายเลือดของมาเฟียมือเปื้อนเลือด เมื่อเธอพบชานยอลจึงได้ให้เขาช่วยพาเธอหนีออกมา จากนั้นนางก็ไปขอร้องพระเจ้าเพื่อไปเกิดใหม่ เขาเองเห็นว่านางเป็นคนดีก็ช่วยตามที่ขอ แต่ไม่รู้ว่าซึลกิคือลูกสาวของนักเวทสาวคนนั้นเอง

    “เจ้าคือลูกสาวของนักเวทมิติคนนั้นหรือ แล้วทำไมเจ้าต้องทำทีเป็นมาสวามิภักดิ์ต่อข้า” พญามารเอ่ยถามด้วยความสงสัย

    “เพราะท่านมาพรากเราแม่ลูกไป หากว่าข้าควบคุมคนได้ทั้งโลก ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมารและเทวดามายุ่มย่ามบนโลกอีก พวกเจ้ามันน่ารำคาญที่สุด!” ซึลกิพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

    “แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเทวดาและมารช่วยให้โลกของพวกเจ้าสงบสุขมานักต่อนักแล้วนะ” ซูโฮกล่าวแย้งเมื่อเห็นนักเวทสาวต่อว่ามา

    “ไม่เห็นดีเลย จากนั้นข้าก็ถูกพ่อทุบตีและสั่งสอนให้ข้าทำตามเขา ข้าต้องทำทุกอย่างที่เขาต้องการจนกระทั่งไอ้แก่นั่นตายไป ข้าจึงอยากจะทำอะไรสักอย่างให้พวกมนุษย์อยู่ในกำมือข้า หลังจากนั้นข้าก็จะดูแลโลกนี้เอง ไม่ต้องฟังสั่งใครอีก และไม่ต้องพึ่งพาพวกเจ้า!”

    ยิ่งฟังนักเวทสาวพล่าม ชานยอลก็ยิ่งงงไปใหญ่ ที่เขาเข้าใจอยู่อย่างเดียวคือหญิงสาวแค้นที่เขาพรากแม่ของนางมาสินะ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ซึลกิสั่งให้มินซอกจับตัวแบคฮยอนมาหรือเปล่า หรือว่า?

    “ซึลกิ เจ้าคือนักเวทมิติที่แอบซ่อนตัวอยู่ในตำหนักของอี้ชิงสินะ”
    “ใช่! ข้าสังเกตพวกเจ้ามานานแล้ว แบคฮยอนอะไรนั่นคือคนที่เจ้ารัก แถมยังมีพลังมากพอจะใช้เครื่องซุปเปอร์อิลลูมิเนติอีกต่างหาก จับตัวมันมาได้ทั้งแก้แค้นเจ้าและใช้เครื่องได้อีก ฮ่าๆๆๆ”

    “เพราะแค้นข้าถึงกับจับคนรักของข้ามาทรมาน แถมยังทำให้แบคฮยอนเข้าใจข้าผิดอีก” ชานยอลเมื่อได้ฟังก็รู้สึกโมโห นางถึงกับทำให้เขาและแบคฮยอนต้องทะเลาะกัน แถมยังต้องทำร้ายกันโดยไม่ได้ตั้งใจด้วย

    “หยุดขัดขืนแล้วไปกับข้า ข้าจะนำตัวเจ้าไปลงโทษ” พญามารกล่าวเสียงเข้ม

    “หึหึ ถ้าพวกเจ้าฝ่ากองทัพหุ่นยนต์ไปได้ล่ะก็นะ” แต่นักเวทสาวกล่าวด้วยสายตามาดร้าย นางอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ปล่อยคัมภีร์เวทมาตัดสายตาข่ายเพลิงของชานยอลจนขาด จากนั้นก็ใช้คัมภีร์เวทอีกเล่ม พาตัวเองออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

    เสร็จกัน! ชานยอลมัวแต่พูดคุยกับทุกคนจนลืมไปว่าเลขาสาวถนัดการหลอกล่อ

    ไม่ทันตั้งตัวก็พบว่าหุ่นยนต์รูปหญิงสาวชุดขาวได้ล้อมทุกคนไว้หมดแล้ว แม้เขาจะจัดการหุ่นยนต์เมื่อครู่ด้วยธนูไฟควอนตัมในนัดเดียวแต่เพราะไฟควอนตัมนี่ต้องใช้เวลารวบรวมพลังไม่น้อย หากจัดการเป็นพันตัวอย่างตอนนี้คงไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น…



    บรึ้ม!

    แต่ทันใดนั้นก็มีพลังสีขาวสายหนึ่ง ส่งไปยังกลุ่มหุ่นยนต์เหล่านั้น ส่งผลให้หุ่นยนต์กว่าสิบตัวล้มลงทันที ในตอนนี้ยังจะมีใครที่มีพลังเยอะขนาดนี้อีก ชานยอลคิดแล้วก็ได้แต่หันไปมองทางเลขาลำดับสองคยองซูเท่านั้น

    “ไหนเจ้าบอกมาซิว่านางทำให้เราเข้าใจผิดอะไรกัน”

    แบคฮยอนยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง คนรักของชานยอลดูท่าจะโมโหไม่น้อยเลย แต่ทำไมชานยอลกลับรู้สึกร้อนตัวมากกว่าซึลกิที่เป็นคนผิดจริงๆ ด้วยเล่า

    “ชานยอล ตอบ!” ลัคกี้วันลำดับเก้าร้อยตะโกนจนผนังสะเทือนเลื่อนลั่น

    “กะ... ก็ตอนนั้นซึลกิมาแอบสอดแนมเรา ข้าจึงชวนให้เจ้าขึ้นไปอยู่ห้องข้าซึ่งป้องกันแน่นหนากว่า แต่เพราะไม่อาจบอกเจ้าเรื่องซึลกิจะเป็นอันตรายได้ เราเลย เอ่อ ทะเลาะกันแล้วเจ้าก็หนีมา...”


    บรึ้ม!

    เส้นสายสีขาวอีกเส้นส่งเข้าไปทำลายกลุ่มหุ่นยนต์อีกครั้ง มีใครบอกไหมว่าแบคฮยอนตอนโมโหนั้นน่ากลัวที่สุด หากผู้ที่โดนพลังสีขาวนั่นระเบิดใส่เป็นเขาเองนั้น น่ากลัวว่าจะไม่ทันพูดคำว่าขอโทษก็ถูกแสงนั้นสลายร่างไปแล้ว

    “ถ้าตอนนั้นเจ้าอธิบายข้าอย่างตอนนี้ก็ไม่ต้องเข้าใจผิดจนข้าต้องหนีออกมาแล้ว! แถมข้ายังเข้าใจว่าเจ้ารักนาอึน จนทำร้ายนางอีก” เทวดาอายุน้อยสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจเต็มแก่ และนั่นก็ทำให้หลายคนงงไปด้วย

    “หา? ข้าเนี่ยนะที่ท่านชานยอลรัก” นาอึนได้ยินชื่อก็เอามือชี้ตนเองแล้วหันไปหัวเราะใส่แบคฮยอน “เด็กโง่ ท่านชานยอลน่ะรักเจ้ามากที่สุดแล้ว พวกเราน่ะท่านชานยอลเอ็นดูเหมือนน้องสาวเท่านั้น และเราก็รักท่านแบบพี่ชายด้วย เอ๊ะ หรือว่าเขาไม่เคยบอก?”

    ประโยคสุดท้ายทำเอาชานยอลสะดุ้ง เอาจริงตั้งแต่ปรับความเข้าใจกันเขายังไม่เคยบอกความสัมพันธ์ของสามสาวกับแบคฮยอนเลย มิน่าล่ะ เมื่อตอนนั้นที่เข้าใจผิด ถึงได้อาละวาดทำร้ายสามสาวลัคกี้วันด้วย

    “แบคฮยอน เจ้าคือน้องชายของเรานะ คราวหลังอย่าเข้าใจผิดอีก อ้อ ถ้าคนรักของเจ้าไม่ยอมเปิดเผยความจริงใดๆ กับเจ้า เดี๋ยวพี่สาวช่วยเอง” ซาร่าเมื่อได้ยินนาอึนว่าดังนั้นก็กล่าวสำทับ

    “ใช่ๆ พี่สาวสุดสวยอย่างข้าจะช่วยเจ้าจัดการปัญหาเอง จะไม่ให้เจ้าต้องเข้าใจผิดจนหนีออกจากบ้านอีกแล้ว” จองฮวาพูดแล้วก็ตบอกมาร์ชแมลโลจนแบคฮยอนเผลอหน้าแดงเข้าให้ ดีนะที่ไม่ได้อยู่ใกล้ ไม่อย่างนั้น ‘พวกพี่สาว’ คงได้เอาเขาไปกอดแน่ๆ

    พอรู้ตัวว่าแอบเข้าใจผิดส่วนหนึ่งแถมยังโดนพวกพี่สาวเอ่ยแซวอีก แบคฮยอนจึงได้หันหน้าไปดุคนรักเพื่อระบายอารมณ์สักหน่อย

    “จำไว้นะว่าคราวหน้ามีอะไรผิดสังเกตหรือเจ้ามีความสัมพันธ์กับใครแบบไหน จะต้องบอกข้าด้วย” เทวดาอายุน้อยหันไปพูดกับชานยอลซึ่งตกเป็นเบี้ยรองก่อนจะปล่อยพลังที่อัดแน่นในตัวไปทางหุ่นยนต์อีกครั้ง


    บรึ้ม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวได้ใจจริงๆ

    “จ้า เทวดาที่รัก” พญามารเอ่ยรับคำสั่งอย่างว่าง่ายเลยคราวนี้

    “ถ้าอย่างนั้นยืนบื้ออะไรอยู่เล่า ตอนนี้ทุกคนกำลังเหนื่อย มีเพียงเจ้ากับข้าที่จัดการหุ่นยนต์ได้ รีบรวมพลังไฟเร็วเข้า”

    แบคฮยอนพูดแล้วก็วิ่งมาหาชานยอลอย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงหันหลังชนกันเพื่อประจันหน้ากับศัตรูได้ถนัด หลังจากได้ยินว่าทั้งสองจะจัดการกับพวกหุ่นยนต์นี่เอง เซฮุนและจงอินผู้รู้งานก็พามารและเทวดาตนอื่น รวมถึงร่างจงแดและมินซอกไปไว้มุมหนึ่งพร้อมร่ายเวทป้องกันรอบทิศทางไว้แล้ว

    “เจ้าต้องชดใช้ที่ทำให้ข้าบาดเจ็บและทำให้จงแดต้องตายด้วย!” แบคฮยอนพูดขึ้นเมื่อพวกเขาเข้ามาอยู่ใกล้กัน

    “ข้าชดใช้ให้เจ้าทุกอย่างเลยเทวดาที่รัก” ชานยอลยกมือยอมแพ้แม้จะกำลังรวบรวมพลังเป็นธนูไฟควอนตัมอยู่ จากนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วง “ว่าแต่เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม เสียใจรึเปล่าที่จงแดตาย”


    บรึ้ม! แบคฮยอนปล่อยพลังระเบิดหุ่นยนต์อีกระลอกก่อนหันมาตอบ

    “เสียใจสิ เพื่อนสนิทของข้าโดนทำร้ายขนาดนั้น แถมยังตายตอนที่ข้าไม่รู้ตัวอีก”

    “ข้าขอโทษ” ชานยอลพูดเสียงเศร้า เขารู้สึกผิดจริงๆ ที่ตนเองรู้สึกตัวก่อนแต่ไม่สามารถยับยั้งการตายของเพื่อนรักแบคฮยอนได้

    “พญามารโง่!” แต่แบคฮยอนกลับพูดตะคอกใส่เขา

    บรึ้ม! พร้อมกับปล่อยพลังไปอีกสายหนึ่ง ตอนนี้หุ่นยนต์เริ่มไม่อยู่นิ่งให้พวกเขาระเบิดกันแล้ว พวกมันดาหน้าเข้ามากลุ่มหนึ่งทำลายเกราะคุ้มกันที่มารซ้ายขวาป้องกันอยู่ และอีกกลุ่มตรงเข้าฟาดฟันใส่แบคฮยอนผู้ปล่อยพลัง แต่ชานยอลก็ใช้ดาบไฟรับไว้ได้ แม้จะกำลังรวบรวมพลังเป็นไฟควอนตัมแต่เขาก็แบ่งสมาธิมาใช้ดาบไฟได้เช่นกัน

    “ขอโทษ...” ชานยอลขอโทษเกี่ยวกับเรื่องจงแดอีกครั้ง แต่คราวนี้แบคฮยอนกลับเอ่ยขัด

    “เจ้าจะเสียใจไปขนาดนี้ทำไม คยองซูเล่าให้ข้าฟังเมื่อครู่แล้วว่าจงแดตายเพราะเข้าไปรับกริชโค้งของมินซอกไว้เอง เขาตายด้วยความภูมิใจของเขา ด้วยน้ำมือคนรักของเขาด้วยความเต็มใจ ข้าว่ามันก็ดีอยู่แล้ว”

    แบคฮยอนพูดจบก็หัวเราะครั้งหนึ่งพาให้ชานยอลโล่งใจ ที่แท้เขาก็คิดมากไปหรือ แต่ว่าเขาเองก็ทำร้ายคนรักไปด้วยนี่นา

    “แต่ว่าข้าทำร้ายเจ้าด้วย เจ้าคงไม่...” พญามารพูดเสียงเบา ทำเอาเทวดาอายุน้อยกว่าไปพันกับหลายร้อยปีแอบกลุ้ม

    “งี่เง่า ข้าก็ไม่เป็นไรไง ตอนที่เจ้าใช้ตาข่ายเพลิงกับตาข่ายช็อตไฟฟ้าน่ะ ข้าเตรียมใจไว้นานแล้วด้วย ข้าไม่กลัวเจ้าหรอกนะเพราะเจ้าสอนเวทต่างๆ ให้กับข้าเอง กลัวก็แต่ว่าเจ้าจะคิดมากที่ทำร้ายข้า ซึ่งก็จริงด้วย หยุดโทษตัวเองได้แล้ว”

    “ได้ ข้าไม่โทษตัวเองแล้ว” ว่าแล้วก็หันหน้ามามองด้วยแววตาจริงใจ พญามารโหมดเด็กน้อยใสซื่อทำให้แบคฮยอนตกหลุมอากาศขยับผิดไปหนึ่งจังหวะ จึงได้เกือบล้ม แต่ก็มีมือใหญ่คอยประคองไว้ก่อนจะใช้ดาบไฟในมือฟาดฟันหุ่นยนต์ใกล้ตัวเขาให้ออกไปซะ

    “อื้ม ดีมากเจ้าชานยอล ข้าน่ะยังเหลือพลังไว้ใช้อีกเยอะเลยเห็นไหม เมื่อครู่คยองซูก็รักษาจนแผลจากเครื่องดูดพลังหายไปหมดแล้วด้วย ตอนนี้น่ะ ข้าจัดการฝูงหุ่นยนต์พวกนี้ได้สบาย”

    “ขอรับท่านลัคกี้วันที่รัก ข้าก็รวมพลังไฟควอนตัมได้เพียงพอแล้วเช่นกัน เรามาปิดฉากการต่อสู้นี้กันเถอะ”

    “เอาเลย ลุย!”

    สิ้นเสียงคำว่าลุยจากแบคฮยอน ทั้งเส้นสายสีขาวขนาดใหญ่จากพลังสว่างของแบคฮยอนก็พุ่งเป็นหลายแฉก พร้อมกับเส้นสีขาวปนฟ้าเล็กๆ ซึ่งเป็นธนูไฟควอนตัมของชานยอลก็พุ่งใส่หุ่นยนต์ที่พวกเขาล็อกเป้าหมายไว้เช่นกัน

    จากนั้นไม่นาน เสียงบรึ้มๆๆๆ ก็ดังติดต่อกันแล้วพวกเขาก็จัดการหุ่นยนต์ทั้งหลายจนหมด ก่อนจะออกมาจากสถานีวิจัยนั้นด้วยความช่วยเหลือของมินซอก

    แม้จะไม่สามารถจัดการตัวร้ายที่แท้จริงได้ แต่สำหรับชานยอลและแบคฮยอน พวกเขาได้เข้าใจกันมากกว่าที่ผ่านมา ผิดก็ให้อภัย เคยทำร้ายก็ไม่โกรธ แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว



    ****lucky one and monster****




    ทุกคนต่างตกใจไม่น้อยเมื่อเข้าไปช่วยพี่น้องของมินซอกกลับพบเด็กหน้าตาแบบมินซอกเกือบร้อยคนในสถานีวิจัยที่ซึลกิซ่อนไว้ สอบถามมินซอกก็พบว่าทุกคนคือเด็กซึ่งเกิดจากการโคลนนิ่งทั้งหมด แรกเริ่มนั้นพวกเขาแค่มีชื่อเป็นตัวเลขเท่านั้น และมินซอกก็ใช้หมายเลขเก้าสิบเก้ามาตั้งแต่เกิด

    จนกระทั่งเขาฉายแววการใช้เวทได้ดีเยี่ยมจึงถูกเรียกว่ามินซอกและถูกใช้งาน เด็กคนอื่นๆ แม้จะไม่โดดเด่นเท่าแต่ก็เป็นทั้งตัวประกันที่ซึลกิมักใช้ต่อรองให้นักเวทหนุ่มทำงานและเป็นตัวสำรองด้วย นี่คือครอบครัวแท้จริงของเขานั่นเอง แบคฮยอนเข้าใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงเชื่อว่ามินซอกมีครอบครัวที่กำลังห่วง ที่แท้ก็เป็นเด็กที่โตมาด้วยกัน หาใช่พวกมาเฟียซึ่งมีซึลกิชักใยอยู่ข้างหลังนั้นไม่

    ส่วนมาเฟียเครือข่ายเดียวกันตอนนี้ก็แตกกระจัดกระจายไปแล้ว นับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่งที่ซึลกิปล่อยให้มินซอกควบคุมดูแลกลุ่มมาเฟียมาแล้วกว่าสี่สิบปี พวกนั้นจึงฟังคำสั่งของนักเวทหนุ่มส่วนใหญ่ และเมื่อนางหายตัวไปเช่นนี้ มินซอกจึงได้สั่งยกเลิกองค์กรทั้งหมด ให้แต่ละสายของตระกูลหันไปประกอบอาชีพสุจริตแทน ทำการล้างมือออกจากโลกด้านมืดอย่างถาวร


    เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย มินซอกจึงขอจัดงานไว้อาลัยจงแดด้วยตนเอง

    งานไว้อาลัยถูกจัดอย่างเรียบง่าย ณ สถานีควบคุมสภาพอากาศบนโลก ร่างของจงแดถูกห่อด้วยผ้าขาวขลิบทองลายสายฟ้าในโลงสีขาวทองประดับลวดลายเมฆแล้วฝังลงหลังบ้านพักของเขาเอง แม้ว่าร่างของเทวดาจะสลายเป็นพลังสว่างไปเมื่อจิตของร่างนั้นเกิดใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่เพราะมินซอกนั้นไม่อยากทิ้งร่างจงแดไว้ลำพังในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์ พวกเขาจึงต้องฝังเพื่อให้นักเวทหนุ่มสบายใจ

    “จงแด ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะรับรู้ว่าข้าขอบคุณมาก ขอบคุณในความรักที่มีให้กัน ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างข้าเสมอ แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ตาม” นักเวทหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคงแม้น้ำตาจะปริ่มขอบตาไม่น้อย

    คำพูดของมินซอกทำเอาหลายหัวใจในที่นี้ต่างรู้สึกตื้นตันจิต พวกเขารักกันมากเหลือเกิน การตายของจงแดไม่ได้ไร้ค่า เขาตายเพื่อหยุดไม่ให้คนรักได้ฆ่าใครอีก แล้วมินซอกยังกลับตัวกลับใจเป็นคนดีเพื่อเขาด้วย นี่มันดีเหลือเกิน พวกเขาเจอกันในเวลาสั้นๆ แต่เพราะความรักแท้ที่มอบให้กันอย่างไม่รู้ตัว จึงทำให้คนคนหนึ่งกลับตัวกลับใจได้ขนาดนี้

    ชานยอลถึงกับมองจงแดในมุมใหม่ ตอนแรกที่รู้ว่าจงแดถูกล้างสมองเช่นตนและมีส่วนทำให้แบคฮยอนต้องบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็โกรธไม่น้อย แต่พอเห็นความอาลัยของมินซอกต่อจงแดในวันนี้ เขาก็เข้าใจว่าเทวดาสายฟ้านั้นก็ไม่ต่างจากตน พญามารผู้ยอมละทิ้งหลายสิ่งมาช่วยคนรักนั้นยังทำได้ไม่ถึงครึ่งจงแดด้วยซ้ำ ฝ่ายนั้นยอมตายเพื่อยับยั้งทุกสิ่ง ในขณะที่เขานั้นพลาดหลายสิ่งจนเกือบทำให้คนรักตายด้วยซ้ำ

    พูดถึงคนรัก ชานยอลก็มองหาร่างเล็กที่คุ้นเคย ตอนนี้ทั้งเทวดา มาร หรือกระทั่งพี่น้องมินซอกที่มาร่วมพิธีไว้อาลัยต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนแล้ว ได้ยินว่ามินซอกนั้นสมัครเข้าทำงานสถานีควบคุมสภาพอากาศและซูโฮก็อนุญาตแล้ว เจ้าตัวคงพักอาศัยอยู่ที่นี่สักพักก่อนจะไปประจำการแถบขั้วโลกเพื่อใช้พลังน้ำแข็งอย่างที่ถนัด

    มองไปมองมาก็พบกับเทวดาที่เขามองหา แบคฮยอนกำลังนั่งใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ห่างไปมากนัก เจ้าตัวหันหลังให้กับทุกคนแต่ตัวสั่นระริก ชานยอลมองดูก็เกิดความเอ็นดูมากมาย นี่แอบไปร้องไห้สินะ เด็กโง่เอ๊ย

    แบคฮยอนที่พูดเองว่าไม่เสียใจกับการตายของเพื่อนสนิทนั้น กลับมานั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าอยู่ไม่ไกลจากหลุมศพ ชานยอลเห็นก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือช่วยร้องไห้เป็นเพื่อนคนรักดี ก่อนหน้านี้บอกว่าจะไม่เสียใจเพราะเป็นการตายที่สมศักดิ์ศรีของจงแดแล้ว แถมยังบอกให้เขาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าเป็นห่วงตนเองอีก

    จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรกันเล่า แบคฮยอน

    ร่างสูงของพญามารเข้าไปนั่งข้างๆ ร่างเล็กของเทวดาลัคกี้วัน จากนั้นก็โอบกอดคนรักแล้วผลักศีรษะเบาๆ ให้ซบลงกับอกกว้างของตนเอง มือใหญ่ค่อยๆ ปาดน้ำตาด้วยความเบามือเมื่อเห็นว่าแก้มน้อยนั้นทั้งแดงและเลอะไปหมด จากนั้นจูบหน้าผากหนึ่งครั้งก่อนจะพูดปลอบ

    “ไหนใครว่าจะไม่เสียใจกันน้า”
    “ฮึก ก็ไม่เสียใจแต่น้ำตามันไหลอย่างไรเล่า” แบคฮยอนตอบด้วยเสียงสะอึกสะอื้นทำเอาชานยอลต้องกลั้นขำ
    “เจ้าน่ะ ไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็งเพื่อไม่ให้จงแดห่วงหรอกนะ อยากร้องก็ร้องมาเถอะ”
    “ไม่ใช่สักหน่อย”
    “เพราะข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าไม่ให้จงแดต้องเป็นห่วงเลยล่ะ” ชานยอลเอ่ยแล้วก็เงยหน้ามองบนฟ้า ตอนนี้จิตของจงแดน่าจะวนเวียนอยู่แถวนี้ไม่ไกลนัก จะได้ยินคำสัญญาของเขาหรือไม่หนอ

    จงแดได้ยินหรือไม่ไม่รู้ แต่แบคฮยอนนี่สิ ได้ยินเต็มสองหูจนรู้สึกเขินขึ้นมาเลย พญามารโหมดปลอบใจนี่น่ารักเป็นบ้า ทำเอาเขาร้องไห้ไม่ออกเสียแล้ว

    “ฮะๆ คำสัญญาของข้าถึงกับทำให้เจ้าหยุดร้องไห้เลยหรือ?” พูดไม่พอ ชานยอลยังก้มหน้าลงมามองเทวดาน้อยข้างๆ อีกด้วย ใบหน้าแดงก่ำนี่คือเพราะร้องไห้หรือเพราะเขินอายกันนะ

    “พญามารงี่เง่า ใครเขาปลอบด้วยคำสัญญากัน”
    “หรือว่าจะให้ปลอบด้วยการบอกรักแทนล่ะ”

    ./////////.

    แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าพญามารโหมดนี้คืออะไร จู่ๆ จะมาบอกรักในงานไว้อาลัยคนอื่นเนี่ยนะ ชานยอลบ้าไปแล้ว แถมยังทำให้รู้สึกเหมือนว่าแบคฮยอนจะบ้าตามไปด้วย

    “ก็เอาสิ” มือน้อยยกขึ้นมาปาดน้ำตาตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้าไปมองมารข้างๆ ด้วยแววตาแจ่มใส
    “เอากันตรงนี้เลยเหรอ? ไม่ดีมั้งแบคฮยอน”
    “งี่เง่า เอาเอออะไรเล่า”

    พญามารโหมดเล่นมุกนี่ทำเอาแบคฮยอนไปไม่ถูกเลย

    “หมายถึงคำบอกรักของเจ้า บอกมาสิ ข้าอยากฟัง” กว่าจะหายหน้าแดงแล้วเบะปากเพื่อแสดงว่าเอาแต่ใจแล้วนะ แบคฮยอนก็ใช้เวลาหลายวินาทีก่อนจะพูดได้

    “รู้รึเปล่าว่าเทวดาลัคกี้วันของจริงน่ะ มีหนึ่งเดียวเท่านั้น” ชานยอลเอ่ยก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้คนรัก “นั่นก็คือเจ้า เจ้าเป็นทุกสิ่งของข้า เป็นลัคกี้วันหนึ่งเดียวของข้า และข้าจะรักเจ้าตลอดไป”

    คำบอกรักหวานประทับลงในจิตใจของแบคฮยอนเรียบร้อย ก่อนริมฝีปากที่เป็นของเขาจะประทับลงมาซ้ำ แนบแน่นและเนิ่นนานจนอิ่มเอมในหัวใจ

    และเมื่อริมฝีปากผละจากกันชั่วขณะก็ถึงเวลาที่เทวดาต้องเอ่ยปาก

    “ใช่ แบคฮยอนเป็นลัคกี้วันของชานยอล และชานยอลก็เป็นลัคกี้วันหนึ่งเดียวของแบคฮยอนเช่นกัน”

    หลังจากนั้นริมฝีปากทั้งสองก็ประกบแนบแน่นอีกครั้ง ยาวนานจนไม่สามารถมีใครแยกพวกเขาจากกันได้อีกเลย



    -จบ-

    (แต่ไม่บริบูรณ์หรอกนะ)








    จบแล้วววววววววววว
    แต่ว่ายังมีอีกตอนแหะๆ
    ใจหายไม่ใช่น้อย เรื่องนี้ยาวที่สุดที่เคยแต่งมาเลย เนื้อเรื่องก็เยอะมากๆ
    สำหรับคนต้องการสรุปสั้นๆ เรามีสามพาร์ทนะ พาร์ทแรกพระนาง(?)รักกัน พาร์ทสองตัวนางมีพลังมากเกินก็ปิดผนึกไว้ พาร์ทสามยาวนานหน่อยเป็นการต่อสู้ที่จบปมทั้งหมด แต่ไม่เคลียร์หรอกว่าแบคฮยอนมาจากไหน พลังมาไง 5555555 /โดนเขวี้ยงด้วยรองเท้า (ที่จริงมีแทรกบอกไว้เยอะนะ ลองหาดู)

    มาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณนักอ่านทุกท่านสักครั้ง พี่อาจจะแต่งฟิคไม่เก่ง แต่ก็ยังเข้ามาอ่านมาเม้นกัน ก็ขอบคุณมากๆ ที่มาสนใจฟิคนอกสายตาแบบนี้ เรื่องหน้าเจอกันนะตะเอง เรื่องนี้ไม่รวมเล่มจ้ะ

    ขอบคุณตัวละครทุกตัวสำหรับแรงบันดาลใจในการแต่งจนจบ รู้สึกว่าถ้าเทระหว่างทางคงทำให้พวกเขาโกรธแน่ๆ ก็เลยเอาวะ ถึงแม้คนอ่านจะน้อยแต่ก็แต่งให้จบวะ สุดท้ายเลยออกมาจนจบทุกพาร์ท

    ขอบคุณเจ้าหนาม คนพรูฟและน่าจะเป็นแฟนฟิคเรื่องนี้คนแรก(มั้ง) ยังไม่หมดนะ เดี๋ยวตอนหน้าให้พรูฟอีก 555

    สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ขอบอกว่าตอนหน้าต้องการคู่ไหน พี่หามาให้ทุกคู่แน่ๆ

    เจอกันตอนหน้า ตอนพิเศษ 100ปีต่อมา (อ้าว สปอยล์เฉย)

    #luckyonecb
    @noeybaekbd


    avatar
    noeybaekbd


    จำนวนข้อความ : 31
    Join date : 15/08/2016

    [EXO] dear my lucky one เทวดาที่รัก ChanBaek - Page 2 Empty Dear my lucky one เทวดาที่รัก 27 (special 1) หนึ่งร้อยปีต่อมา

    ตั้งหัวข้อ by noeybaekbd Wed Oct 05, 2016 10:39 pm



    Dear my lucky one เทวดาที่รัก 27 (special 1)
    หนึ่งร้อยปีต่อมา



    - เทวดาจงแดและมารมินซอก –




    (ณ วิหารศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์)

    “มินซอก เจ้าอย่าตื่นเต้นเกินไปสิ” แบคฮยอนพูดกับมารน้อยอายุห้าสิบปีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้ร่างกายของมารข้างๆ ไม่ใช่เด็กน้อยแต่เป็นชายหนุ่มแล้ว แต่เขาก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม

    ตั้งแต่มินซอกมาเกิดเป็นมารด้วยรูปร่างเด็กอายุแค่สิบสองปี หน้าตาน่ารักและแก้มป่องของเด็กน้อยทำให้แบคฮยอนที่กำลังเหงารับเข้าเป็นน้องชายบุญธรรมทันที เขาเห็นแต่แรกก็จำไว้ว่านี่คือมินซอก แม้อีกฝ่ายจะจำตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ จากนั้นเทวดาลัคกี้วันก็ดูแลสั่งสอนจนมารน้อยมีพลังครบสองแสนล้านหน่วย จึงระลึกชาติที่แล้วได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้

    พวกเขากำลังรอคอยการเกิดของเทวดาตนหนึ่ง เพราะหน่วยข่าวที่โลกบอกว่าชายคนนั้นสิ้นใจอย่างสงบแล้ว

    “ท่านแม่ ท่านว่าจงแดจะจำข้าได้ไหม” มารน้อยตอบเขามาด้วยน้ำเสียงเคารพ หากแต่แบคฮยอนกลับหงุดหงิดกับคำว่าท่านแม่จนต้องประเคนมะเหงกเข้าให้

    โป๊ก!

    “บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกว่าพี่แบคฮยอน เรียกท่านแม่อยู่ได้ ข้าไม่ได้เบ่งคลอดเจ้าออกมาสักหน่อย”

    “แต่ท่านแม่ยังเรียกท่านอี้ชิงว่าท่านแม่ได้เลย ทำไมข้าจะเรียกไม่ได้กันล่ะ” มารหนุ่มกลับกวนตีนใส่

    “นั่นมันคนละกรณีกัน อ๊ะ แสงสว่าง นั่นเขาใช่มั้ย?”

    ทั้งสองหยุดโต้เถียงกันเพราะในวิหารศักดิ์สิทธิ์มีแสงสว่างขึ้นมาหนึ่งวาบ ปกติผู้ที่ตายไปจะถูกส่งไปยังศาลของพระเจ้าเพื่อตัดสินความดีความชั่วกันก่อน จากนั้นหากใครทำชั่วมากกว่าทำดีก็จะเกิดเป็นมารที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ของนรก ใครชั่วจนหาดีไม่ได้ก็จะเป็นวิญญาณไปรับกรรมในเขตกักกันวิญญาณ แต่คนที่ทำดีมากกว่าทำชั่วจะมากจะน้อย ก็จะมาเกิดเป็นเทวดาที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์แห่งนี้

    “ไหนๆ ใช่เขาไหม?” มินซอกเบียดแทรกเทวดาตนอื่นที่ยืนรอหน้าวิหารจนถูกค้อนเข้าให้ ปกติหากมารตนไหนเสนอหน้ามาวิหารศักดิ์สิทธิ์เป็นต้องโดนไล่กลับไปหมด นี่ถือว่าเขาเป็นเด็กของท่านลัคกี้วันแบคฮยอนหรอกนะ เทวดาอื่นๆ จึงได้ไม่ว่าเอา

    มือสวยเห็นพฤติกรรมลูกชาย เอ๊ย น้องชายจึงหยิกเข้าให้

    หมับ!

    “โอ๊ย ท่านแม่ หยิกข้าทำไมกันเล่า” เทวดาหนุ่มร้องขึ้นเมื่อแขนโดนหยิกจนเขียว

    “บอกให้เรียกพี่ไง ข้าก็หยิกเด็กที่ไม่เกรงใจเทวดาตนอื่นเนี่ย เจ้ารอหน่อยสิ อีกสักพักก็รู้แล้วว่าใครมาเกิด”

    ท่ามกลางความตื่นเต้น เจ้าหน้าที่วิหารศักดิ์สิทธิ์พาเทวดาเด็กน้อยหน้าตาน่ารักมาตนหนึ่ง คาดจากหน้าตาและความสูงก็ราวๆ เด็กสิบปีเท่านั้น แม้จะไม่ใช่รูปลักษณ์ที่แบคฮยอนและมินซอกเคยเห็น หากแต่คิ้วหางตก ตาหวานขนตางอนบวกกับปากหยักข้างคล้ายแมวน้อยก็ทำให้พวกเขาจำได้ทันที

    “จงแด!”

    มินซอกร้องเรียกเสร็จก็เข้าไปกอดเด็กน้อยด้วยความคิดถึง เทวดาเพิ่งเกิดมีปีกสองคู่ถึงกับขนปีกลุกเมื่อมีมารหนุ่มมากอดหมับ จึงขยับยุกยิกหวังจะหลบ หากแต่มารก็ไม่ยอมท่าเดียว กอดเขาแน่นขึ้นจนต้องมองไปรอบๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ

    “งื้อ ช่วยข้าด้วย” เด็กน้อยมองเห็นเทวดาหน้าตาใจดีตนหนึ่งเข้ามาใกล้ก็ยื่นมือไปหาแล้วร้องเสียงเจื้อยแจ้ว เหมือนจะได้ผลเมื่อเทวดาตนนั้นเขกศีรษะเจ้ามารบ้ากามแล้วลากออกจากตัวเขาไปได้

    “นี่แน่ะ บอกให้ใจเย็นไงมินซอก เจ้าทำจงแดตกใจหมดแล้ว” เทวดาตนนั้นช่วยสั่งสอนมารที่มากอดเขาด้วย จงแดรู้สึกว่าเทวดาไว้ใจได้ จึงเข้ามาเกาะแขนไว้

    “โอ่เอ๊ ไม่เป็นไรนะเทวดาน้อย ข้าจะดูแลเจ้าเอง” เทวดาตนนั้นกันเจ้ามารร้ายออกไป จากนั้นก็ย่อตัวลงมาพูดกับจงแดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าชื่อแบคฮยอน เจ้าจำได้ใช่ไหมว่าตนเองชื่ออะไร”

    “ข้าเคยชื่อธันเดอร์ แต่จะชื่อจงแดก็ได้” เด็กน้อยได้ยินเทวดาเรียกตนว่าจงแดและบอกจะดูแลตน ก็เลยเปลี่ยนชื่อเอาใจเสียเลย

    “ดีๆ น่ารักมาก” แบคฮยอนลูบศีรษะจงแดเบาๆ จากนั้นก็พากลับวิหารแห่งอีเดนทันที ท่ามกลางเสียงบ่นของมินซอกที่ถูกเด็กน้อยเมิน ไม่ยอมให้กอดเสียอย่างนั้น

    หลังจากจงแดตายไปเมื่อร้อยปีก่อน แบคฮยอนก็แอบใช้กำลังทหารของชานยอลค้นหาจนพบว่าเจ้าตัวไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์ชื่อธันเดอร์ ตอนแรกที่ได้ยินก็ตลกไม่น้อย ขนาดเกิดใหม่ยังเกี่ยวกับสายฟ้าอีก เขาเฝ้ารอดูธันเดอร์ตั้งแต่เจ้าตัวเป็นหนุ่มและมักจะทำให้เกิด ‘เรื่องบังเอิญ’ เพื่อให้ธันเดอร์ทำความดีอยู่เสมอ และผลก็เป็นไปตามคาด ธันเดอร์ตายในวัย 90 ปีท่ามกลางความดีที่เคยทำ จึงมาเกิดเป็นเทวดา

    “จงแดจ๋า เจ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” แบคฮยอนจูงมือเด็กน้อยให้เดินตามเขา ดูแล้วนึกถึงตอนตนเองยังเป็นเทวดาเด็ก ตอนนั้นจงแดก็คอยดูแลเขาเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าสองร้อยปีต่อมา จะเป็นเขาบ้างที่ต้องดูแลอีกฝ่าย

    “ที่ไหนก็ได้ขอรับ” เทวดาเด็กน้อยเอ่ยตอบแบบไม่มองหน้าแบคฮยอนด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกเพราะตอนนี้พวกเขากำลังเดินเล่นอยู่ในย่านพลุกพล่านของสวรรค์ หลังจากพาจงแดไปวังอีเดนเพื่อฝากฝังให้ซูโฮดูแลในช่วงแรกก่อน พวกเขาก็พาเด็กน้อยมาเที่ยวและหาของกินกัน

    “ถ้างั้นต้องไปหม้อไฟ ใช่ไหมท่านแม่” จู่ๆ มินซอกที่เดินอยู่อีกข้างโผล่หน้ามาให้ตกใจ “ใช่ไหมจงแด เจ้าหนู”

    “อ๊ะ มารร้าย” จงแดกำลังเพลิดเพลินกับวิวสวยข้างทางก็ตกใจแล้วเผลอด่ามินซอกออกไป แม้จะรู้ว่ามินซอกไม่ได้ใจร้ายอย่างที่เขาเข้าใจ แต่เพราะไม่ทันตั้งตัวเลยว่าไปอย่างนั้น

    “ฮือ ท่านแม่ ท่านดูสิ จงแดบอกว่าข้าเป็นมารร้าย” มินซอกเมื่อโดนว่าก็ทำท่าน้อยใจ ทรุดตัวลงนั่งข้างทางพลางเด็ดใบหญ้าพร้อมกับทำหน้าเศร้า

    “จงแด มินซอกไม่ใช่มารร้ายหรอก พวกเราเป็นเพื่อนกันในชาติก่อนไง รีบไปขอโทษมินซอกเร็วเข้า” แบคฮยอนแม้จะรู้ว่ามินซอกแกล้งทำไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่วายขอให้จงแดขอโทษ ด้วยว่าเด็กต้องรีบดัดตั้งแต่ยังเด็ก หากเขาไม่เลี้ยงจงแดให้ดี น่ากลัวว่าต่อไปจะฝากจงแดให้มินซอกเลี้ยงดูคงยุ่งมากกว่านี้

    เด็กน้อยหันมามองเทวดาที่รับตนมาแล้วยิ้มหวานหนึ่งที “ขอรับ ท่านแม่” เขาเอ่ยตอบการขอโทษก็ดี แต่ทำไมต้องเรียกแบคฮยอนว่าท่านแม่เหมือนมินซอกด้วยล่ะเนี่ย

    “ไม่ใช่ท่านแม่ บอกให้เรียกพี่แบคฮยอนไงเล่า” เทวดาอาวุโสรีบสำทับ แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อจงแดเดินลิ่วๆ ไปหามินซอกแบบไม่ฟังเขาเสียแล้ว


    “ข้าขอโทษนะมินซอก” จงแดยื่นดอกไม้ที่แอบเด็ดข้างทางเมื่อครู่มาหนึ่งดอก จากนั้นก็ยื่นให้มารผู้ทำหน้าเศร้าพร้อมส่งยิ้มหวาน
    “ฮือ ในสายตาของเจ้า ข้ามันก็แค่มารร้ายใช่ไหม” แต่มารขี้น้อยใจยังไม่หายโกรธเขานัก
    “เปล่าสักหน่อย” แต่เด็กน้อยกลับปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมส่ายหน้า จากนั้นก็หยิบดอกไม้ที่เขาเอามาเหน็บเข้าที่เรือนผมสวยของมาร “เจ้าสวยมากต่างหากเล่า” พูดจบก็ยิ้มหวานส่งให้อีก

    “น่ารักจังเลย” มินซอกได้ยินก็หายเศร้าเป็นปลิดทิ้ง จงแดของเขายังน่ารักอยู่เหมือนเดิมเลย แม้จะไม่ได้เจอกันมาเป็นร้อยปีแล้วแต่ก็ยังอ่อนโยนไม่เปลี่ยน มินซอกจะรักใครได้อีกละหื้ม

    “โอ๋ๆ นะ มินซอก ไปกินข้าวกันเถอะ ท่านแม่รอแล้ว”
    “เอ๊ะ เจ้าก็เรียกแบคฮยอนว่าท่านแม่เหรอ ดีจังเลย”
    “ข้าก็เรียกตามเจ้านั่นแหละ เราเป็นพี่น้องกันใช่ไหม อย่าแย่งความรักกันนะ” เด็กน้อยตอบพาซื่อเท่าที่สมองเขาจะประมวลผลได้ เพราะการเกิดใหม่เป็นเทวดาอายุสิบปี การรู้ความก็จะเท่ากับสิบปีของมนุษย์เช่นกัน เรื่องอื่นหรือกระทั่งความทรงจำในชาติภพที่ผ่านมาเขาเองก็ยังจำไม่ได้ มีอะไรเรียกตามใครได้ก็จะทำอย่างนั้น

    “ฮื่อ เราเป็นพี่น้องกัน ข้าชอบคำว่าพี่น้อง แต่ถ้าวันหนึ่งไม่เป็นพี่น้องแล้ว เจ้าจะยอมไหม” มินซอกแกล้งแหย่ให้จงแดงงเล่น เขายังไม่บอกหรอกว่าชาติก่อนนั้นพวกเขาเป็นคนรักกัน สักวันหนึ่งมินซอกจะทำให้จงแดรักเขาอย่างที่เคยรักให้จงได้ ให้เท่ากับที่ท่านชานยอลรักแบคฮยอนเลยคอยดู

    “เอ๋ เราจะเป็นอย่างอื่นได้ด้วยเหรอ?” แต่จงแดกลับงงในคำถามนี้
    “ได้สิ ข้าจะเป็นทุกอย่างสำหรับเจ้าเลย”
    “ข้าชอบคำนี้ ต่อไปนี้เจ้าเป็นทุกอย่างของข้านะ” จงแดดีใจที่มินซอกยอมเขา ในความหมายคือเขาคิดว่ามินซอกจะช่วยเขาทำทุกอย่าง แม้มินซอกจะเป็นเผ่ามารแต่มินซอกใจดี ดังนั้นจงแดจึงชอบมาก

    มารหนุ่มยื่นมือขวาออกมา จากนั้นก็ชูเฉพาะนิ้วก้อยให้เทวดาเด็กตรงหน้า
    “สัญญานะ” จงแดพอจะรู้ว่ามันคืออะไร จึงยื่นมือขวาออกมาเกี่ยวก้อยเช่นกัน
    “สัญญาสิ ข้าจะเป็นทุกอย่างของจงแดตลอดไป” มารหนุ่มเอ่ยย้ำเพื่อยืนยันคำที่ตนพูดไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ในใจนั้นหนักแน่น เขาจะใช้โอกาสในชีวิตที่สองนี้เพื่อจงแดแน่นอน เขาจะรักจงแดหมดใจให้เท่ากับจงแดเคยให้มา มินซอกจะไม่ยอมให้จงแดเสียใจอีก มินซอกพร้อมเสียสละทุกอย่างเพื่อจงแดแล้วชาตินี้

    แล้วมินซอกก็สวมกอดจงแดด้วยความอ่อนโยน

    ในที่สุดมารตัวร้ายอย่างมินซอกก็ได้เจอเทวดาจงแดที่รักอีกครั้ง



    ****lucky one and monster****



    - ลัคกี้วันหนึ่งเดียวของชานยอล –


    “ตกลงว่าเจ้าจะไม่ไปดูจริงๆ หรือแบคฮยอน”

    เซฮุนพูดด้วยท่าทางหัวเสีย นี่เขาต้องมาตกอยู่ในภาวะตัวกลางตั้งแต่เมื่อไหร่ ฝ่ายหนึ่งก็ทำงานจนลืมว่าต้องทำธุระสำคัญ อีกฝ่ายก็ดันงอนเพราะธุระสำคัญนี้ไปอีก

    “ไม่! ปล่อยเขาเลือกของเขาไปสิ ข้าไม่ยุ่งด้วยแล้ว” แบคฮยอนเบะปากบ่นพลางแต่งตัวให้จงแดไปด้วย เล่นเอาเทวดาน้อยงงไปหมด

    “ท่านเซฮุนขอรับ ท่านจะพาท่านแม่ไปไหนหรือขอรับ” เด็กน้อยเห็นท่านแม่หน้างอง้ำก็เข้าใจว่ามารมือขวาจะพาแบคฮยอนไปทำงานอะไรที่ฝืนหรือเปล่า จึงถามออกไป

    “อา... จงแดนี่น่ารักจังเลย” แต่มารมือขวากลับเข้ามาบีบแก้มเขาไว้เสียอย่างนั้น ซึ่งก็โดนท่านแม่แบคฮยอนตีมือเข้าให้

    “หยุดแกล้งจงแดได้แล้ว เจ้าจะไปไหนก็ไป ไอ้พญามารงี่เง่านั่นด้วย ข้าจะพาจงแดไปเดินเล่น!” หลังจากปัดมือมารออกไป แบคฮยอนก็ทำท่าจะจูงมือจงแดออกไปทันที

    “ท่านแม่ งอนท่านพ่อหรือขอรับ” หากแต่เด็กน้อยกลับรั้งมือเขาไว้ แล้วถามเพราะได้ยินชื่อพญามารเมื่อครู่นี้

    อันที่จริงจงแดตกใจนิดหน่อยเมื่อรู้ว่าท่านแม่ผู้อ่อนโยนของเขาเป็นถึงลัคกี้วันคนสำคัญของสวรรค์ แถมยังเป็นคนรักของพญามารอีกด้วย มิน่าล่ะรอบกายท่านแม่ซึ่งเป็นเทวดากลับมีแต่มารล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด เขาจึงเรียกชานยอลว่าท่านพ่อด้วย แม้ว่าท่านแม่จะไม่ชอบใจนัก แต่เขาพบว่าพญามารชอบใจมากทีเดียว จึงได้เรียกอย่างนี้เรื่อยมา

    “งี่เง่า ท่านพ่อเจ้าน่ะไม่สนใจข้าแล้ว นู่น กำลังจะไปเลือกสนมใหม่อยู่นู่นแล้ว”

    แบคฮยอนตอบเสียงฮึดฮัด เล่นเอาจงแดไปไม่ถูก ถ้าเขาจำไม่ผิด เห็นมินซอกบอกว่าวันนี้เป็นวันคัดเลือกลัคกี้วันลำดับที่เก้าร้อยหนึ่งซึ่งเป็นลำดับต่อจากท่านแม่นี่นา แล้วสนมที่ท่านแม่หมายถึงคืออะไรกันหนอ?

    จงแดงงหนักพลางยกนิ้วชี้มาเข้าปาก ท่าทางนั้นถึงกับทำให้เซฮุนเผลอกอดเด็กน้อยเข้าให้

    “จงแดตอนเป็นเด็กน้อยนี่น่ารักกว่าเจ้าอีกแน่ะแบคฮยอน ข้าชักหลงรักเขาแล้ว” มารมือขวากอดเทวดาตัวเล็กพลางทำหน้าเคลิ้ม แต่เสียงของเขากลับดังไปถึงมารข้างนอกเข้า

    “ห๊ะ ใครมาหลงรักจงแดของข้านะ” มินซอกรีบโผล่พรวดเข้ามาในห้องทันที พอมาถึงก็ดึงมารมือขวาออกจากจงแดแล้วเข้าไปกอดจงแดไว้แทน

    “จงแดไม่เป็นไรนะ ข้ามาช่วยแล้ว” มินซอกพูดแล้วเอาใบหน้าถูเข้ากับแก้มของจงแดไปมา

    “พอกันเลย พวกเจ้าทั้งสองนี่ จงแดตกใจหมดแล้ว” แบคฮยอนจึงต้องเอ็ดเข้าให้

    “ฮะๆ ไม่เลยขอรับท่านแม่ แก้มมินซอกนุ่มออก” แต่กลายเป็นว่าจงแดกลับไม่ตกใจอย่างที่คิด แถมยังหัวเราะชอบใจเมื่อมินซอกเล่นกับเขาด้วย

    เล่นเอาแบคฮยอนหน้าม้านไปหนึ่งแถบ นี่ไม่ทันเท่าไหร่เจ้ามินซอกกลับเอาใจจงแดจนอีกฝ่ายชอบแล้วหรือนี่ ถ้าหากสองคนนี้รักกันขึ้นมาจริงๆ เขาจะต้องทนอยู่กับความหวานของทั้งสองแบบตอนนั้นที่โดนจับไปอีกใช่ไหม


    ขณะที่แบคฮยอนกำลังคิดถึงอนาคตอันใกล้นี้ เซฮุนก็เห็นโอกาสที่เขาจะทำตามคำขอของพญามารเสียที เจ้านั่นให้เขามาพาแบคฮยอนไปร่วมพิธีให้ได้ แม้จะไม่รู้ว่ามันมีแผนอะไรแต่ตอนนี้เป็นเวลาที่สมควรแก่การพาไปแล้วล่ะ

    “พอดีเลยมินซอก ฝากพาจงแดไปเที่ยวด้วยนะ” เซฮุนถือโอกาสนี้จับจงแดและมินซอกดันตัวให้ออกไปนอกห้อง แม้มินซอกตอบรับอย่างงงๆ แต่ก็พาจงแดออกไปแต่โดยดี ทีนี้ก็เหลือแต่เขากับแบคฮยอนแล้ว

    “เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว พิธีจะเริ่มแล้วนะ” เซฮุนไม่ปล่อยให้แบคฮยอนได้มีเหตุผลที่จะไม่ไปอีก เขาร่ายเวทหนึ่งบทจากนั้นก็จับแขนเทวดาไว้มั่น รอแค่สองวินาที พวกเขาก็โผล่มาตรงที่นั่งในห้องโถงสวรรค์ทันที

    “เจ้า!” แบคฮยอนตวาดแหวเมื่อเห็นว่าพวกเขาหายตัวมาอยู่ที่ไหน แต่กลับเจอเซฮุนเอานิ้วชี้มาปิดปากพลางพูดแบบไม่มีเสียงว่าเงียบหน่อย เทวดาลัคกี้วันลำดับเก้าร้อยจึงยอมนั่งลงเงียบแต่โดยดี แม้ในใจจะหงุดหงิดไม่น้อย

    ก็จะไม่ให้หงุดหงิดได้อย่างไรเล่า วันนี้เป็นวันคัดเลือกลัคกี้วันลำดับต่อไปของชานยอลน่ะสิ

    เมื่อร้อยปีก่อนไหนบอกว่าเขาคือลัคกี้วันหนึ่งเดียว แล้วยังรับปากว่าจะไปยกเลิกสัญญาสวรรค์ก่อนครบรอบร้อยปีถัดไป แต่มีที่ไหน กลับลืมทำเรื่องยกเลิกพิธีจนทำให้ต้องมีการคัดเลือกในวันนี้อย่างไรเล่า มีเวลาตั้งหนึ่งร้อยปียังลืม ไอ้พญามารงี่เง่า นี่คงดีใจจะได้สนมใหม่สิท่า แบคอยอนคิดในใจแล้วก็รู้สึกเดือดไปหมด

    “ท่านทั้งหลาย บัดนี้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว พิธีคัดเลือกลัคกี้วันอันศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์นั้น...” ตอนที่แบคฮยอนเข้ามาถึง ซูโฮก็กำลังกล่าวอะไรสักอย่างอยู่พอดี หลังจากเขาหันมาสนใจก็พบว่าใกล้จะถึงจุดสำคัญแล้ว

    “ข้าขอยกเลิก!”

    จู่ๆ พญามารซึ่งนั่งอยู่ตรงประธานในพิธีกลับกล่าวขึ้นด้วยเสียงกร้าว

    ทำให้ในโถงประชุมมีเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจทันที

    ซูโฮนั้นไม่โกรธเมื่อโดนขัดแต่กลับยิ้มอย่างดีใจด้วยซ้ำ ในที่สุดก็ยอมพูดออกมาจนได้ เขาเฝ้ารอมานานแล้วว่าเมื่อไหร่ชานยอลจะมาขอยกเลิกสัญญาเรื่องลัคกี้วัน ไม่คิดว่าพญามารจะยุ่งจนลืมแล้วก็ส่งมารมือขวามาบอกว่าจะยกเลิกในพิธีวันนี้นี่เอง แต่กระนั้นเทวดาและมารที่มาร่วมพิธียังไม่รู้สาเหตุ เขาจึงต้องถามเหตุผลตามบทก่อน

    “ท่านพญามาร ไม่ทราบว่าท่านจะยกเลิกสัญญาลัคกี้วันเพราะเหตุใด”

    “เพราะข้าไม่ต้องการลัคกี้วันแล้ว ลัคกี้วันของข้า...” ชานยอลหยุดพูดไปหนึ่งอึดใจ พลางสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงแบคฮยอน จากนั้นก็วิ่งมาทางเทวดาที่รักอย่างรวดเร็ว พร้อมจับมือให้เดินออกไปกลางโถงสวรรค์ด้วยกัน

    “เทวดาลัคกี้วันของข้าคือแบคฮยอนเท่านั้น และเขาก็เป็นคนรักของข้าด้วย” พญามารพูดออกมารวดเดียวจบ แม้ว่าเสียงจะไม่ดังนัก แต่เพราะเทวดาและมารทุกตนกำลังรอเขาพูดอยู่ จึงได้ยินกันทั้งหมด

    “อย่างนี้นี่เอง”
    “พวกเขาเหมาะสมกันจริงๆ”
    “เหมือนตำนานของท่านนานะเลย ท่านก็เป็นคนรักของพญามารเหมือนกัน”

    เสียงชื่นชมดังไปทั่วคล้ายว่าไม่มีใครติดใจหรือสงสัยข้อนี้ ที่จริงพวกเขาก็สงสัยมาสักพักแล้วว่าลัคกี้วันและพญามารรุ่นนี้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ที่แท้พวกเขาก็เป็นคนรักกัน แต่ว่าสัญญาลัคกี้วันเกี่ยวอะไรหนอ

    “เนื่องจากลัคกี้วันจะต้องเข้ามาอยู่ข้างกายข้าทุกตน” ชานยอลเห็นเทวดาบางตนสงสัยจึงกล่าวขึ้นเสียงดัง “แต่ข้ามีเทวดาที่จะอยู่ข้างกายข้าไปตลอดชีวิตแล้วคือแบคฮยอนลัคกี้วันลำดับเก้าร้อยตนนี้”

    “เจ้าคิดจะทำอะไรเนี่ย” แบคฮยอนพยายามเอามือตนเองออกจากการเกาะแกะของชานยอล เพราะเขินอายกับการยืนต่อหน้าเทวดาและมารในที่นี้ไม่น้อย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมการยกเลิกลัคกี้วันแล้วต้องลากเขามาด้วย แม้จะดีใจว่าในที่สุดพญามารก็ทำตามที่ขอแล้ว แต่ต่อหน้าธารกำนัลอย่างนี้เขาไม่ใคร่จะชินนัก

    “ก็ขอเจ้าแต่งงานไง” แต่คำตอบพญามารกลับทำให้แบคฮยอนนิ่งไปอึดใจ

    “ในฐานะพญามารข้าขอยกเลิกการคัดเลือกลัคกี้วันตั้งแต่บัดนี้ ทางนรกของเราไม่ต้องการเทวดาเข้าไปช่วยงานและข้าไม่ต้องการใครข้างกายอีกแล้ว ที่ข้าต้องการมีเพียงแบคฮยอน เทวดาตนนี้” พูดจบชานยอลก็ย่อตัวลงพร้อมกับจับมือแบคฮยอนไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ยกแหวนแทนใจขึ้นมา

    “เจ้าจะแต่งงานกับข้าไปเป็นภริยาพญามารในนรกได้รึเปล่า” คำพูดนั้นหวานเลี่ยนจนแบคฮยอนอยากจะเอาศอกประเคนให้นัก พวกเขาจัดงานเสกสมรสกันในนรกเมื่อร้อยปีก่อนแถมแบคฮยอนก็อยู่กับชานยอลมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

    “เจ้าเล่นอะไรเนี่ย ข้าก็อยู่กับเจ้ามาตั้ง...” แบคฮยอนพยายามจะกระซิบให้หยุดการทำอะไรน่าขายหน้าแต่ชานยอลกลับไม่ปล่อยให้เขาพูดจนจบ

    “ที่ผ่านมาเจ้าอยู่ในฐานะลัคกี้วันของข้าในสายตาของสวรรค์ แต่ต่อจากนี้ไป เจ้าอยู่ในฐานะภริยาของข้าได้ไหม แบคฮยอน” พญามารผู้หน้าไม่อายกลับกล่าวคำหวานจนน้ำตาลต้องยอมแพ้มาอีก เล่นเอาแบคฮยอนไปไม่ถูกแล้ว


    “แต่ว่า...”

    แม้สวรรค์นรกจะมีเพศชายและหญิง แต่พวกเขาไม่ได้ใช้เพศแบ่งแยกด้านความรักมานานแล้ว พวกเขาใช้รูปร่างและลักษณะทางกายภาพให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานเท่านั้น เนื่องจากเทวดาและมารไม่ต้องสืบพันธุ์จึงไม่จำกัดว่าชายต้องแต่งงานกับหญิง ดังนั้นการที่ชานยอลขอแบคฮยอนแต่งงานจึงไม่แปลกมากนัก

    แต่ที่ทำให้แบคฮยอนลำบากใจคือเขาต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ ชานยอลลืมยกเลิกพิธีก่อนหน้านี้แต่กลับมายกเลิกตอนมีพิธีนี้แทน แถมยังมาขอเขาแต่งงานท่ามกลางเทวดาอาวุโสอีก

    “เอาน่าแบคฮยอน ชานยอลอุตส่าห์เล่นใหญ่ขนาดนี้เพื่อเจ้า ก็รับหน่อยเถอะ” ราชาแห่งเทพเห็นหลานนิ่งไปก็เข้ามาเกลี้ยกล่อมอีกแรง แถมยังทำตาวิ้งข้างหนึ่งให้แบคฮยอนเห็นอีกด้วย

    เท่านี้ก็ทำให้แบคฮยอนเข้าใจแล้ว การจัดฉากวันนี้ท่านตาของเขาก็เป็นใจด้วยนี่เอง คงจะล็อบบี้เทวดาอาวุโสไว้หมดแล้ว มิน่าล่ะพวกเขาถึงไม่เข้ามาแย้ง แถมยังทำสีหน้าพึงพอใจอีกด้วยเพราะต่อไปนี้จะไม่ต้องเสียเทวดามือดีไปให้นรกอีกแล้ว

    “กะ ก็ได้” แบคฮยอนจึงตอบไปไม่ให้ชานยอลและเทวดาอาวุโสเสียหน้า พญามารดีใจใหญ่ จากนั้นก็สวมแหวนที่เขาแอบถอดไว้เมื่อคืนก่อนมาใส่นิ้วนางข้างซ้ายของคนรัก กอดหอมพอเป็นพิธีท่ามกลางความดีใจของบรรดาเทวดาและมารที่แอบมาเชียร์จำนวนไม่น้อย

    แล้วเทวดาพิธีการผู้ควบคุมงานก็เข้ามาประกาศว่าพิธีคัดเลือกลัคกี้วันเป็นอันยกเลิก และราชาแห่งเทพจะจัดงานเสกสมรสให้ลัคกี้วันกับพญามารด้วยตนเองในอีกสามวันข้างหน้า


    “สมใจแล้วล่ะสิ หึ รวมหัวกันหลอกข้า” แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงงอนสุดขีดเมื่อพวกเขากลับถึงห้องพัก กว่าจะกลับได้ก็ต้องขอบคุณผู้เข้ามาแสดงความยินดีกันมากมาย ในจำนวนนี้มีทั้งเทวดากลุ่มผู้ถูกเลือกซึ่งดีใจเพราะไม่ต้องไปทำภารกิจเสี่ยงตาย(ตามที่พวกเขาเข้าใจ) อีกแล้ว แถมพวกเขายังจะได้รับตำแหน่งเป็นองครักษ์สวรรค์ซึ่งเงินเดือนสูงเทียบเท่าลัคกี้วันกันทุกตนด้วย

    เรียกว่าเป็นการหาทางออกของซูโฮซึ่งแยบยลมาก ความลับที่ว่าลัคกี้วันเป็นสนมของพญามารก็ไม่รั่วไหล แถมยังจัดการให้เทวดากลุ่มผู้ถูกเลือกที่คัดมาเป็นอย่างดีได้สังกัดตนเองโดยตรงอีก ต่อไปนี้พวกกลุ่มผู้ถูกเลือกก็จะยังโด่งดังต่อไปในฐานะผู้มีฝีมือเก่งกาจจนเป็นองครักษ์ราชาแห่งเทพ แล้วก็ไม่ต้องเสียยอดฝีมือไปให้กับนรกด้วย

    ชานยอลเข้ามากอดคนรักที่กำลังงอนไว้ เขาเองก็มีเหตุผลในการยกเลิกคัดเลือกลัคกี้วันกลางงานแทนที่จะยกเลิกเงียบๆ จึงอยากจะบอกแบคฮยอนให้รู้

    “รู้รึเปล่าว่าทำไมข้าต้องทำแบบนี้”
    “ใครจะไปรู้ใจเจ้า” แบคฮยอนตอบแบบงอนๆ เล่นเอาชานยอลอยากกัดแก้มป่องๆ นี่ให้หายหมั่นเขี้ยว

    “ข้าต้องการให้เทวดาและมารทุกตนได้รู้ว่าข้ายกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการแล้ว” ชานยอลบอกเหตุผลที่หนึ่งแล้วลอบมองหน้าเทวดาแสนงอนก่อน ไม่ผิดจากที่คิดเมื่อยังเบะปากอยู่จริงๆ ด้วย

    “แล้ว?”
    “ข้าอยากให้พวกเขารู้ว่าข้ารักเจ้ามากแค่ไหน พวกเทวดาไม่เจียมตัวจะได้ไม่มายุ่งกับเจ้าด้วย”
    “เจ้า! พญามารขี้หวง” แบคฮยอนด่าชานยอลไปหนึ่งยกแล้วก็แอบลอบยิ้ม ที่แท้ต้องทำอะไรใหญ่เบอร์นี้เพราะหวงนี่เอง

    เป็นความจริงว่าแบคฮยอนมีชื่อเสียงมากในฐานะลัคกี้วันที่เก่งที่สุด ข่าวการทำลายมาเฟียใหญ่เครือข่ายมินซอกนั้นทำให้เทวดาลัคกี้วันซึ่งเคยโดนดูถูกว่าไม่ได้มาจากเทวดากลุ่มผู้คัดเลือกถูกมองในมุมใหม่ ยิ่งมีข่าวลือว่าราชาแห่งเทพคือผู้ฝึกสอนแบคฮยอนมาเองกับมือ(แม้ว่าที่จริงจะเป็นพวกซาร่าและชานยอลสอนเวทให้เขาก็ตาม) ก็ทำให้มีเทวดาสนใจตัวเขามากมาย

    ที่ไม่นับว่ามีมารมาสนใจแบคฮยอนบ้างหรือเปล่าก็เพราะพวกเขาจัดงานเสกสมรสแบบเงียบๆ แต่รู้กันทั่วนรกน่ะสิ แถมพวกมารที่ไหนจะกล้ามาแหยมพระสนมผู้ก้าวเป็นมเหสีของชานยอลได้

    แต่นรกกับสวรรค์ไม่เหมือนกัน แม้ในนรกจะรู้ว่าแบคฮยอนเป็นมเหสี แต่สวรรค์กลับปิดบังความลับเรื่องของเขาไว้ได้เช่นที่เป็นมา เรื่องการจัดพิธีนี้ก็จัดตามเดิมเหมือนกัน รวมทั้งเทวดาหนุ่มหลายตนที่รู้ว่าแบคฮยอนมาเยือนสวรรค์ก็แอบมาเกาะแกะจนมินซอกต้องไล่ไปไม่น้อย

    สงสัยมินซอกตัวแสบจะไปฟ้องชานยอลว่ามีเทวดามายุ่งกับแบคฮยอน พญามารเลยจัดหนักเล่นใหญ่ ขอเขาแต่งงานกลางสวรรค์เข้าให้

    เฮ้อ แบคฮยอนจะยอมใจอ่อนยกโทษให้ก็ได้

    “คราวหลังจะเล่นละครใหญ่โตก็บอกข้าบ้าง จะได้ไม่ตกใจไงเล่า” มือสวยตีเพียะเข้าที่ไหล่พญามารหนึ่งที จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ

    “แสดงว่าเจ้ายกโทษให้ข้าแล้วใช่ไหม”
    “อืม เหตุผลของเจ้าก็เข้าท่า หลายวันมานี้พวกเทวดามายุ่งกับข้าหลายตนเหมือนกัน ทำแบบนี้จะได้ไม่ลำบากใคร”
    “เห็นไหม แผนของข้าดีที่สุด”
    “แต่ว่า...”
    “แต่ว่าอะไรหรือแบคฮยอน”
    “ขอบคุณนะที่ทำตามสัญญา ให้ข้าเป็นลัคกี้วันของเจ้าเพียงหนึ่งเดียว” แบคฮยอนพูดจบก็จูบปากชานยอลอย่างเร็ว “ข้าไปหาจงแดก่อนนะ” จากนั้นก็ผละออกจากกอดแล้วทำเป็นจะออกห้องไปหาจงแดเสียอย่างนั้น

    แต่ก็ไม่พ้นมือมารอยู่ดี เมื่อชานยอลไม่ปล่อยให้แบคฮยอนไปไหนอีกแล้ว มือใหญ่คว้าหมับที่ต้นแขนคนรัก จากนั้นก็เอ่ยติดตลก “จะไปไหนกันอีกสามวันเราก็จะแต่งงานกันแล้วนะ”

    “ให้มันน้อยๆ หน่อย แต่งรอบสองใครเขาตื่นเต้นกัน เจ้ากะจะเล่นใหญ่ไม่เลิกเลยนะ”
    “งั้นไม่เล่นใหญ่ แต่เล่นเจ้าแทนละกัน”
    “มารบ้ากาม ปล่อยนะ ปล่อย”
    “ไม่ปล่อย”
    “ฮื่อออออ”



    จงแดกับมินซอกคิดว่าจะเข้าไปแสดงความยินดีกับท่านพ่อท่านแม่เรื่องงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้าสักหน่อย แต่ทำไมกลายเป็นว่าทั้งสองเล่นวิ่งไล่จับกันจนมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงขยับเสียอย่างนั้นล่ะ

    “มินซอก เจ้าว่าท่านแม่เล่นอะไรกับท่านพ่อเหรอ?” เด็กน้อยที่เอาหน้าแนบหน้ากับประตูถามมารหนุ่มด้วยความซื่อ
    “เอ่อ ข้าก็ไม่รู้ เราไปกันเถอะ ท่านพ่อกับท่านแม่คงไม่ว่างคุยกับเราแล้ว” มินซอกรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เลยว่าจะพาจงแดหลบไป แต่ก็ได้ยินเสียงจากข้างในอีก

    “โอ๊ย ชานยอล เบาหน่อยซี่”


    “...” มินซอกถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงนี้
    “เอ๊ะ ท่านแม่กำลังเจ็บล่ะ เราต้องเข้าไปช่วยท่านแม่” แต่จงแดเมื่อได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวกลับก่อนจะโดนมินซอกรั้งไว้
    “เขาไม่เป็นไรหรอกน่า”
    “แต่ว่า...”
    “ชาติที่แล้วเจ้าทำข้าไว้เจ็บกว่านี้อีกนะ อ๊ะ” มินซอกเผลอพูดเรื่องเก่าแล้วปิดปาก ทำเอาจงแดงงไปหมด

    “เอ๋ ข้าเคยทำเจ้าเจ็บเหรอ ยังเจ็บอยู่ไหม เจ็บตรงไหนเหรอ” เด็กน้อยไม่เข้าใจคำว่าเจ็บของมินซอกเลย มารหนุ่มจึงได้แต่เขินอายหน้าแดง พลางคิดว่าไม่น่าหลุดปากออกไปเลย

    “เอาเป็นว่าท่านแม่ไม่เป็นไรหรอก ไว้เจ้ารู้ความเมื่อไหร่ เจ้าก็อย่าทำข้าเจ็บนะ เข้าใจไหม” พูดไปหน้าแดงไปแล้วลากเทวดาน้อยออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนนะแบคฮยอน ดันเสียงดังตอนเข้าด้ายเข้าเข็มเสียได้ เขาเลยเผลอหลุดปากพูดบ้าๆ ออกไปเลย

    มินซอกไม่รู้หรอกว่าอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้นเมื่อจงแด ‘รู้ความ’ และระลึกถึงชาติก่อนได้ เขาจะไม่เจ็บปวดอีก เพราะจงแดน่ะอ่อนโยนกว่าใครอยู่แล้ว

    แต่ชานยอลกับแบคฮยอนน่ะตอนนี้ก็ปล่อยให้พวกเขา ‘เข้าด้ายเข้าเข็ม’ ฉลองที่ไม่ต้องมีลัคกี้วันใหม่มาแทรกกลางก็แล้วกันนะ


    - End of special part 1 –






    ฮิ้วววววววว สเปเชียลถูกใจไหม
    ยังเหลืออีกสองคู่ ตามในสเปเชียลพาร์ทหน้านะจ๊ะ

    #luckyonecb
    @noeybaekbd


    avatar
    noeybaekbd


    จำนวนข้อความ : 31
    Join date : 15/08/2016

    [EXO] dear my lucky one เทวดาที่รัก ChanBaek - Page 2 Empty Dear my lucky one เทวดาที่รัก 28 (special 2) เรื่องของมารมือขวา

    ตั้งหัวข้อ by noeybaekbd Mon Oct 10, 2016 10:38 pm

    Dear my lucky one เทวดาที่รัก 28 (special 2)
    เรื่องของมารมือขวา




    “จะไปกินข้าวได้หรือยัง ซูโฮ”

    มารมือขวายืนกอดอกมองราชาแห่งเทพนั่งเขียนเอกสารบนโต๊ะด้วยใบหน้าบูดบึ้ง จะไม่ให้เขาหงุดหงิดได้อย่างไร เทวดานั่นทำงานจนลืมกินข้าวอีกแล้ว

    “อืม เจ้าหิวก็ไปกินก่อนได้เลยนะ” แต่เทวดาเจ้าปัญหากลับไม่เงยหน้ามามองเขาด้วยซ้ำ

    เซฮุนหงุดหงิดมากขึ้น ปกติพวกเขามีงานรัดตัวก็เข้าใจ หาเวลามาอยู่ด้วยกันได้น้อย ราวๆ ปีละสองสามครั้งก็ไม่เคยน้อยใจสักนิด แต่นี่อะไร เขาได้รับรายงานจากเลขาของซูโฮว่าอีกฝ่ายโหมงานจนลืมกินข้าวอีกแล้ว พอมาเจอก็พบว่าถูกเมินอีก

    “เจ้าไม่ดีใจเลยหรือที่เจอข้า”
    “ดีใจสิ ดีใจ แต่ว่ารายงานเรื่องนี้ต้องมีเทวดาเข้าไปจัดการด่วน รอข้าก่อนนะ”

    อีกแล้ว เซฮุนอยากจะบอกว่าเป็นแบบนี้อีกแล้ว ถึงกับกลอกตามองบนด้วยความเหนื่อยใจ งานของมารมือขวาก็ใช่ว่าจะน้อยจนว่างมากมาเตือนให้เทวดาต้องไปกินข้าวเสียทีอะไรทำนองนี้ แต่เขาถึงกับฝากงานไว้กับลูกน้องแล้วรีบมาหาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าซูโฮจะไม่สบายเอาได้ กลายเป็นว่ามาถึงก็ไม่มีความหมายเสียอย่างนั้น

    “ข้าบอกว่าให้ไปกินข้าวไง” มารหนุ่มจึงเดินดุ่มๆ เข้ามาคว้าแขนราชาแห่งเทพให้ลุกขึ้น แต่เพราะไม่ระวังจึงทำให้ขวดหมึกตราประทับคว่ำใส่กองเอกสารตรงหน้า น้ำหมึกเลอะเทอะเต็มไปหมด

    “เจ้า! ทำอะไรลงไป เอกสารนี้ข้าแค่ประทับตราก็เสร็จแล้ว เข้ามายุ่งทำไม!” ซูโฮเห็นแล้วก็อารมณ์เสีย เอกสารนี้เขาดูมาตั้งแต่เช้า ใกล้จะเสร็จกลับโดนเซฮุนมาทำให้เสียหาย แม้ว่าจะมีเวทประเภทลบรอยหมึกหรือฟื้นฟูเอกสาร แต่นั่นก็ทำให้เขาเสียเวลามาก

    มารมือขวาอึ้งไปอึดใจเมื่อพบว่าตนเองทำงานของเทวดาพัง แต่พอกำลังจะเข้าไปช่วยก็เจออีกฝ่ายสะบัดมือตนเองออกอย่างไร้เยื่อใยเสียอย่างนั้น

    “เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง ออกไป!” ซูโฮหลังจากปัดมือมารออกไปก็รีบร่ายเวทกำจัดหมึกรวมถึงฟื้นฟูเอกสาร ที่แย่คือเอกสารมันมีหลายหน้าและตอนนี้มันกระจัดกระจายจนไม่รู้ว่าหน้าไหนต้องอยู่ตรงหน้าไหนแล้ว

    “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้งานเจ้าเสีย” มารมือขวายอมรับผิดแต่โดยดี
    “เจ้าก็ดีแต่ทำเรื่องยุ่ง ข้าอยู่ดีๆ ของข้าก็มายุ่งตลอด” ราชาแห่งเทพเลยบ่นต่อตามนิสัย คำพูดนั้นอาจจะธรรมดาสำหรับผู้พูด หากแต่ผู้ฟังกลับอ่อนใจนัก

    “ตกลงว่าที่ผ่านมาข้าเอาแต่ยุ่งเรื่องของเจ้าหรือ?” น้ำเสียงน้อยใจถูกเอ่ยออกมา
    “ก็ใช่น่ะสิ” เทวดามัวแต่จัดการเอกสารจึงตอบแบบไม่มองหน้ามารด้วยซ้ำ
    “ได้! ถ้างั้นต่อไปข้าจะไม่ยุ่งอีกแล้ว”

    เซฮุนพูดจบก็ใช้เวทหายตัวจากห้องทำงานของราชาแห่งเทพมาที่ห้องพักในนรกทันที


    แต่พอมาถึง เขาดันเจอกับอะไรสักอย่างหนึ่ง


    มารมือขวายืนมองคู่รักที่น่าหมั่นไส้ตรงหน้า มารตัวสูงตนหนึ่งโอบกอดเทวดาตัวเล็กเอาไว้ จากนั้นก็จูบกันอย่างดูดดื่ม เขารอจนพวกนั้นจูบเสร็จแต่ไอ้พญามารยังไม่ยอมจบ ปากมันไซ้เข้าไปยังคอขาวๆ เทวดาลัคกี้วันไม่หยุดหย่อน

    “ชานยอลอ่า อย่าสิ คิกๆ”
    “ขอชื่นใจหน่อยน้าแบคฮยอน”

    บรึ้ม!

    ให้ตายเถอะ ตอนอยู่บนสวรรค์ก็โดนเทวดาเมิน พอลงนรกมา ก็ยังมาเจอคู่รักกำลังจู๋จี๋ต่อหน้า มันน่าโมโหนัก

    เซฮุนก็เลยใช้พลังมืดระเบิดใส่แจกันบนโต๊ะซะเลย

    “มารมือขวาที่รัก เจ้ามาทำอะไรที่นี่” พญามารที่มีเทวดาศรีภรรยาในอ้อมกอดหันหน้ามาหาแบบมารหงุดหงิด มีเลือดปุดๆ ข้างขมับ
    “เอ๊ะ เซฮุน เจ้าดูท่าทางไม่ดีเลย ทะเลาะกับท่านตามาเหรอ?” แต่ภรรเมียของพญามารกลับขมวดคิ้ว ซึ่งจากเนื้อความคำถามแสดงว่าไม่ใส่ใจเรื่องแจกันแตกแม้แต่น้อย แต่สงสัยอาการโมโหของมารมือขวามากกว่า
    “ใช่”

    “...” ตรงนี้เป็นพญามารผู้แดรกจุดเพราะเมียที่รักผละจากอ้อมกอดแล้วจูงมือออกไปข้างนอกอย่างเร็ว


    มารมือขวาไม่ใส่ใจสีหน้าของพญามารที่คาดโทษเขาอยู่แล้ว ใครใช้ให้เจ้านั่นกำลังพลอดรักกับเมียไม่ถูกที่ เซฮุนเองไม่ได้ใช้เวทเคลื่อนที่มาห้องนอนพวกเขาแต่เป็นห้องนั่งเล่นของตำหนักส่วนตัวแบคฮยอนต่างหากเล่า

    “ไหนเล่ามาซิ ถ้าคราวนี้ท่านตาผิดจริง ข้าจะชวนจงแดหนีมาอยู่ที่นี่ซะเลย ท่านตาจะได้หงุดหงิดบ้าง เห็นหลงกันดีนัก” แบคฮยอนแขวะซูโฮด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ใครใช้ให้จงแดติดซูโฮมากกว่าเขากันเล่า

    พอเห็นเทวดาอายุสองร้อยปีพูดถึงท่านตาอายุหลายพันปีด้วยสีหน้าพูดถึงเด็ก ทำให้เซฮุนไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย หากไม่นับว่าหน้าตาดูอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีมนุษย์ล่ะก็ ซูโฮช่างนิสัยเด็กจริงๆ ทั้งชอบลืมกินข้าว ซุ่มซ่ามหกล้มบ่อย แถมยังชอบทำตัวเอ๋อๆ บางทีด้วย

    “ข้าไปหาเขาเพราะคิดถึง แต่เขาหาว่าข้ายุ่งงานเขา” เซฮุนพูดเกริ่นนำ จากนั้นก็พูดถึงเรื่องเมื่อครู่ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายสุดๆ

    “เอ๋ เจ้าแน่ใจนะว่าเขารู้ว่าเจ้างอนน่ะ” แต่เมื่อแบคฮยอนรู้เรื่องทั้งหมดก็ถามขึ้น
    “...”
    “อย่าบอกนะว่าเจ้าใช้เวทเคลื่อนที่ขนาดใหญ่แล้วเขาก็ยังไม่รู้”
    “...” มารมือขวาไร้ซึ่งคำพูด มันอาจเป็นไปได้ทั้งรู้และไม่รู้

    หากซูโฮรู้ว่าเขาหนีมาที่นี่แล้วแต่ไม่มาตามก็คืออาจจะรู้ว่ามาแต่ไม่สนใจ กับบางทีเจ้าเทวดาบ้างานนั่นมัวแต่แก้เอกสารจนลืมสนใจเขาอีกแล้ว

    “เจ้านั่น!” เซฮุนผุดลุกขึ้นด้วยความโมโหเมื่อคิดได้ว่าโดนเมินแม้กระทั่งตอนงอน เล่นเอาแบคฮยอนงงไม่น้อย
    “เฮ้ เดี๋ยวนะ ข้าว่าเจ้ากำลังปรึกษาข้าไม่ใช่หรือ”
    “เออ ใช่ แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไร?” มารหนุ่มคิดขึ้นได้ว่าโมโหไปก็ไม่ได้อะไร ก็เลยนั่งลงอีกที
    “ข้าว่าคราวนี้เจ้าทำผิดก่อนเพราะทำให้เอกสารเสียหาย แต่ท่านตาก็ผิดมากกว่าเพราะแรกเริ่มนั้นทำให้เจ้าห่วง แถมยังว่าเจ้ายุ่งเขาอีก ถ้าชานยอลบอกว่าข้ายุ่งเขาแบบนี้ ข้าเองก็งอน” แบคฮยอนว่าตามที่ได้ฟังมา
    “แล้ว?” มารมือขวาก็ถามต่อสั้นๆ ตามนิสัย
    “เอ้า เราก็ต้องมีอะไรทำกันนิดหน่อยยังไงเล่า!”

    แบคฮยอนพูดออกมาพลางยิ้มอย่างพอใจ ซึ่งนั่นไม่ทำให้เซฮุนรู้สึกดีขึ้นเลย



    (สวรรค์ : วังอีเดน)

    ซูโฮร่ายเวทขจัดน้ำหมึกไปหลายรอบ จากนั้นก็ใช้เวทฟื้นความจำอีกหลายรอบเพื่อจะเรียงเอกสารใหม่ แม้ว่างานนี้จะให้เลขาของเขาทำให้ก็ได้ แต่เพราะนี่เป็นวันหยุดของเลขาลำดับหนึ่งซึ่งช่วยเขาเรียงเอกสารพอดี แล้วก็เป็นเรื่องด่วนด้วย เขาในฐานะราชาแห่งเทพผู้ควบคุมให้สวรรค์อยู่ในสมดุลและใช้พลังช่วยเหลือมนุษย์โลกตามคำบัญชาของพระเจ้าจึงต้องทำเองทั้งหมด

    ร่างเล็กพ่นลมหายใจออกจากปากหนึ่งรอบเมื่อจัดเอกสารเสร็จเสียที มองไปบนโต๊ะตอนนี้ไม่เหลืออะไรให้ทำด่วนแล้ว

    โครก—

    จู่ๆ กระเพาะก็ร้องโครกครากอย่างไม่รู้ตัว เทวดาสูงอายุแต่หน้าเด็กจึงนึกได้ว่าตนเองไม่ได้กินข้าวหลายวันแล้ว พอคิดได้ว่าจะกินข้าวจึงหันไปทางด้านหลังเพื่อร้องเรียกใครบางตนให้ไปด้วย

    “ป่ะ เซฮุน เราไปกินข้าวกัน...” พูดจบก็หันไปมองหามารที่มาตามให้เขาไปกินข้าวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แต่พบเจอเพียงความว่างเปล่า

    ราชาแห่งเทพหน้าซีด นี่เซฮุนงอนเขาอีกแล้วหรือ?

    “โอยๆๆๆๆ เขางอนข้าอีกแล้ว จะทำอย่างไรดีเนี่ย” เทวดาพูดเสียงดัง จนทำให้ด้านนอกได้ยินแล้ววิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว

    “พี่ชายๆ ท่านเป็นอะไรขอรับ” เทวดาที่วิ่งมาตนแรกคือเทวดาเด็กหน้าตาน่ารักตนหนึ่ง จงแดนั่นเอง เขากำลังเดินเล่นไม่ไกลจากห้องหนังสือนัก จึงได้ยินเสียงโอดครวญและเข้ามาในห้อง


    แต่ซูโฮกลับไม่ตอบและทำหน้าเหมือนวิญญาณออกจากร่างเสียอย่างนั้น

    เด็กน้อยจึงพยายามเขย่าไหล่เทวดาสูงอายุไปมาเพื่อเรียกสติพี่ชายของเขา

    “โห ขนาดเจ้าเขย่าเขาขนาดนี้ ราชาเทพยังไม่ฟื้นอีก ข้าว่าอย่าเสียเวลาเลย ไปกินข้าวกันเถอะจงแด” มินซอกที่ตามมาเห็นว่าการเรียกน่าจะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ จึงกล่าวขึ้น

    คราวนี้ผิดคาดเพราะราชาแห่งเทพได้ยินคำว่ากินข้าว ก็ผงกศีรษะขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วิ่งออกจากห้องหนังสือไปยังห้องอาหารพร้อมกับตะโกนออกมา

    “ข้าต้องกินข้าวก่อน ไปละน้า”

    เล่นเอาเทวดาเด็กกับมารน้อยงงเป็นเป็ดและแมวตาแตกไปตามๆ กัน

    จงแดและมินซอกตามซูโฮมาห้องอาหารในเวลาไม่นานนัก พอมาถึงก็พบว่าเทวดาอาวุโสกำลังสวาปามอาหารจนเกือบจะหมดห้องครัวอยู่แล้ว

    “เอามาอีกๆ ข้ายังไม่อิ่ม”

    มารน้อยกับเทวดาเด็กจ้องมองผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ซัดทั้งอาหารคาวหวานหมดเกลี้ยงราวกับเป็นการแสดงชนิดหนึ่ง ทั้งสองปรบมือครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อซูโฮสามารถกินอาหารหนึ่งจานหมดในหนึ่งคำ จนกระทั่งพ่อครัวร้องไห้เพราะวัตถุดิบที่ตุนไว้สำหรับเลี้ยงชาววังอีเดนหนึ่งสัปดาห์ร่อยหรอต้องไปซื้อใหม่ มหกรรมการสวาปามจึงจบลงท่ามกลางเสียงปรบมือของสองตัวป่วนประจำวัง

    “ว้าวววววว พี่ชายสุดยอดดดดด” จงแดทำตาเป็นประกายพลางกล่าวชมพี่ชายของเขาด้วยความภูมิใจ “ถึงกับทำหัวหน้าพ่อครัวร้องไห้เลยขอรับ”

    “ใช่ๆ ตั้งแต่เป็นมารมา ข้ายังไม่เห็นเทวดาตนไหนรังแกพ่อครัวได้แนบเนียนขนาดนี้เลยขอรับ” มินซอกก็กล่าวชมอย่างจริงใจ

    แต่ซูโฮ เมื่อได้ยินคำว่า ‘มาร’ และ ‘ร้องไห้’ กลับทำหน้าเศร้าเสียอย่างนั้น

    “เขางอนข้าแล้ว ฮือ” แม้จะกินอิ่มและง่วงนอนหนังตาเกือบปิดแต่ซูโฮก็ยังจำได้ว่าเขากับเซฮุนกำลังงอนกันอยู่ ทีแรกก็นึกว่าที่มารมือขวาเงียบไปคือไปยืนรอเขาอยู่ด้านหลัง ที่ไหนได้ เจ้ามารนั่นดันหายตัวไปไหนไม่รู้แล้ว ไหนว่าจะมาชวนเขากินข้าวไงเล่า

    “อ้าว พี่เซฮุนกำลังงอนพี่ชายหรือขอรับ” เด็กน้อยจงแดกล่าวพลางทำหน้าสงสัย

    ที่จงแดเรียกพี่ชายเพราะซูโฮไม่อนุญาตให้เรียกท่านตาตามแบคฮยอนนั่นเอง ตัวเขาต้องอยู่วังอีเดนในช่วงหนึ่งร้อยปีแรกเนื่องจากร่างกายเทวดาเด็กอ่อนแอนัก ยังไม่สามารถตามไปอยู่กับท่านแม่และท่านพ่อของเขาในนรกได้ ยกเว้นว่าถ้าเขาฝึกพลังได้ครบสองแสนหน่วยเมื่อไหร่จึงสามารถขึ้นรถไฟนรกสวรรค์ไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบแบบมินซอกนี่

    ส่วนสาเหตุที่ซูโฮไม่ยอมให้เรียกท่านตาเพราะการฝึกใช้พลังด้วยความรวดเร็วนี่เอง จงแดต้องฝึกโหดกับกลุ่มเทวดาองครักษ์ของซูโฮซึ่งเดิมทีคือกลุ่มเทวดาผู้ถูกเลือกอันโด่งดัง การฝึกนี้บางครั้งซูโฮก็จะลงไปสอนเองบ้าง ดังนั้นหากเรียกท่านตาก็จะความแตกว่าซูโฮมีความเกี่ยวข้องกับเทวดาเด็กตนนี้ ราชาแห่งเทพจึงให้เด็กน้อยเรียกพี่ชายเท่านั้น เผื่อว่าเวลาฝึกจะได้ไม่ผิดสังเกต

    ซึ่งตรงนี้ทำเอาแบคฮยอนแอบงอนท่านตาของเขาไปเกือบสัปดาห์หนึ่งเลย เพราะมินซอกหาว่าซูโฮให้จงแดเรียกพี่ชายเพื่อความสะใจในความหน้าเด็กใช่หรือไม่ ดังนั้นแบคฮยอนที่เป็นถึง ‘ท่านแม่’ ของจงแดจึงได้น้อยใจว่าตนเองนั้นหน้าแก่อย่างนั้นหรือ

    ร้อนถึงเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างจงแด เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านตากับท่านแม่หรือพี่ชายต่างกันตรงไหน เพราะในความทรงจำที่พระเจ้ายัดเยียดมาให้เขาตอนเกิดเป็นเทวดานั้นฐานะทางสวรรค์ไม่มีลำดับญาติเพราะที่นี่ไม่มีการสืบพันธุ์แบบมนุษย์

    ดังนั้นเด็กน้อยจึงกอดท่านแม่พลางร้องไห้ บอกว่าถ้าไม่เรียกท่านตาของท่านแม่ว่าพี่ชาย จะไม่สามารถใช้พลังได้อย่างรวดเร็ว กว่าจะได้ไปอยู่กับท่านแม่ในนรกก็ตั้งอีกร้อยปีข้างหน้า เขาจึงอยากใช้พลังได้เร็วเพื่อไปอยู่กับท่านแม่ที่รักเร็วๆ ต่างหากเล่า

    พอได้ยินดังนั้นแบคฮยอนที่กำลังงอนก็เลยหายงอน จากนั้นก็ยอมเป็นท่านแม่ของจงแดต่อไป พร้อมกลับไปอยู่นรกกับชานยอล พร้อมฝากฝังจงแดและมินซอกที่ไม่ยอมกลับด้วยกัน ให้ซูโฮที่สวรรค์ดูแลเด็กทั้งสองอีกที

    กลับมาที่สถานการณ์ห้องครัววังอีเดนตอนนี้ ซูโฮกำลังทำสีหน้าเศร้าสร้อยแม้จะกินอาหารหมดไปเกือบทั้งวังแล้ว สร้างความสงสัยให้เทวดาเด็กอย่างจงแดมากนัก หลังจากเด็กน้อยถามว่าพี่เซฮุนงอนพี่ชายหรือก็ได้รับเป็นน้ำตาไหลอาบแก้มแทน เจ้าตัวเลยรีบหยิบทิชชู่มาซับให้

    “อ๋า พี่ชายอย่าร้องไห้สิขอรับ”
    “ฮือ จงแดอ่า ทำอย่างไรดี เซฮุนงอนข้าอีกแล้ว เขาไม่ยอมมากินข้าวกับข้าด้วย ข้าเลยกินได้นิดเดียวเอง” ซูโฮรับกระดาษทิชชู่จากมือเด็กน้อย จากนั้นก็สั่งน้ำมูกดังซู้ด

    เล่นเอามินซอกถึงกับเกือบตกเก้าอี้ นี่เรียกว่ากินน้อยเรอะ กินจนพ่อครัวร้องไห้นี่เรียกว่าน้อยแล้วถ้ากินเยอะนี่ไม่กินวังอีเดนเข้าไปด้วยเหรอเนี่ย มารน้อยกลอกตามองบนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ถามในสิ่งที่ควรถาม

    “แล้วท่านกับมารมือขวาทำกันอีท่าไหนถึงได้งอนกันล่ะ”
    “เอ๋ ท่าไหนนี่เกี่ยวด้วยหรือ ข้ากับเซฮุนก็ทำไม่กี่ท่านะ ปกติก็ท่า...”

    ราชาแห่งเทพโหมดเด็กน้อยพูดเรื่องบนเตียงทำเอามินซอกแทบล้มคว่ำอีกรอบ เขาเองตั้งแต่ได้ความทรงจำคืนกลับมา เรื่องราวของชาติที่แล้วก็เหมือนกับหนังยาวฉายในหัวหลายครั้ง พอนึกถึงท่าอะไรต่อมิอะไรนี่ก็อดหน้าแดงไม่ได้ จึงรีบเอามือปิดปากราชาแห่งเทพงี่เง่านี่เสีย

    “เจ้าบ้า เอ๊ย ท่านราชา เรื่องนี้พูดต่อหน้าเด็กได้อย่างไรเล่า!” มินซอกถึงกับเผลอด่าซูโฮออกเสียงไปเลย
    “อ้าว ก็เจ้าถามท่าไหน ข้าก็กำลังคิดอยู่นี่ไงเล่า” ซูโฮกลับตอบพาซื่อ
    “มินซอก ท่าไหนคืออย่างไรหรือ?” ขณะที่มินซอกกำลังจะด่าราชาแห่งเทพอีกรอบ จงแดก็ถามขัดขึ้นมา
    “อ่อ ก็เรื่องอย่างว่า...” ซูโฮก็รีบตอบด้วยความรวดเร็ว แต่ก็โดนมินซอกปิดปากไว้อีกรอบ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงอันดัง

    “ข้าหมายถึงว่าทะเลาะกันอีท่าไหน ถึงได้งอนกันอย่างไรเล่า เทวดาบื้อเอ๊ย”

    “อ้ออออ อย่างนี้นี่เอง” คราวนี้ทั้งเทวดาเด็กน้อยและเทวดาหน้าเด็กแต่อายุไม่น้อยก็เลยตอบขึ้นพร้อมๆ กัน

    มินซอกปาดเหงื่อข้างขมับหนึ่งทีแล้วคิดในใจว่า คราวหน้าเจอท่านแม่คงต้องถามเสียแล้วว่าท่านตาของท่านแม่นั้นบางทีก็เอ๋อๆ อย่างนี้หรือเปล่า (ซึ่งภายหลังเขาก็ได้รับคำตอบว่า ใช่แล้ว! เจ้ารู้ได้อย่างไรน่ะ?)

    “อืม ตอนนั้นข้ากำลังจัดเอกสารในห้องแล้วเซฮุนก็เข้ามาชวนไปกินข้าว...” ซูโฮเข้าใจแล้วว่ามินซอกต้องการอะไรเลยเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้ฟัง แม้จะลืมรายละเอียดอย่างสีหน้าเซฮุนไปบ้าง แต่คำพูดก็ถ่ายทอดไปจนหมด

    “ข้าเข้าใจล่ะ คราวนี้หมอนั่นน่าจะงอนที่ท่านพูดประมาณว่า ‘ยุ่งเรื่องของข้า’ แหละมั้ง” มารน้อยเอ่ยพลางเอามือลูบคางเลียนแบบท่านปรมาจารย์แห่งสวรรค์
    “แต่เซฮุนก็ยุ่งเรื่องของข้ามากไปจริงๆ นี่นา มีอย่างที่ไหนมาทำเอกสารที่ข้าอุตส่าห์เรียงทั้งวันพังไปหมด”
    “แต่ท่านก็พูดแรงไป ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด หมอนั่นมาหาท่านเพราะเป็นห่วงท่านไม่ใช่หรือ”

    อึก ซูโฮถึงกับจุก

    ใช่จริงๆ ด้วย ปกตินั้นพวกเขามักจะนัดกันปีละสองสามครั้งเพราะคิดถึง แต่ก็มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่พบว่าเซฮุนมาหาเขาโดยไม่ได้นัดเพราะเป็นห่วง จึงมาอยู่ด้วยกันในห้องหนังสือแบบนี้และมันก็จะจบลงด้วยการไปกินข้าวด้วยกัน

    ไม่ใช่งอนกันแบบนี้

    สงสัยคราวนี้เขาจะพูดแรงไปจริงๆ

    “ฮือ แต่เขาหนีข้าไปแล้วอ่ะ ข้าต้องทำอย่างไรล่ะนี่” เทวดาอาวุโสไม่เคยมีคนรักกับใครเขา พอมีก็ดันมางอนเข้าอย่างนี้ จะต้องทำอย่างไรดีเล่า
    “ก็ท่านพูดแรงอย่างนั้นนี่นา” มินซอกบอกความคิดเห็น “แต่ก็ไม่ยากนี่ มารมือขวาน่าจะกลับนรก ท่านก็ส่งเวทสื่อสารหาแบคฮยอนให้ไปบอกเขาสิ ว่าท่านผิดไปแล้ว อยากขอโทษ”
    “แต่ถ้าเขาไม่ยอมยกโทษให้ล่ะ”
    “อืม ยากแฮะ”

    สองเทวดาอาวุโสกับมารพูดเออออห่อหมกกันสองตน พาให้เด็กน้อยอย่างจงแดไม่เข้าใจสักนิด เขาจึงสะกิดพี่ชายให้มาฟังความเห็นเขาบ้าง

    “พี่ชาย ถ้าพี่เซฮุนงอนท่าน ก็ทำอย่างนี้สิขอรับ” เด็กน้อยเกริ่นนำแล้วก็พูดถึงวิธีที่แม้แต่มินซอกยังดีดนิ้วเปาะด้วยความชื่นชม

    “ข้าว่ามันน่าจะได้ผลนะ” มารน้อยพูดขึ้น
    “จะดีหรือ?” แต่ซูโฮกลับไม่มั่นใจ
    “ดีซิขอรับ!” คราวนี้ทั้งสองตัวป่วนเลยพูดขึ้นพร้อมกัน

    ซูโฮจึงได้แต่คิดว่า ขอให้เซฮุนงอนเขาไม่มากด้วยเถอะ จะได้ไม่ต้องใช้วิธีแบบที่จงแดบอกมา


    (หลายวันผ่านไป)

    วังอีเดนยังตกอยู่ในภาวะเงียบเหงาเพราะคู่รักที่เคยสร้างสีสันให้กับวังอย่างเซฮุนกับซูโฮนั้นยังไม่หายงอนกัน ราชาแห่งเทพผู้ตกเป็นจำเลยหลังจากโดนเทวดาเด็กกับมารน้อยว่าเข้าให้ จึงได้แต่ทำหน้าซังกะตายอยู่อย่างนั้น

    “ฮือ เซฮุน เจ้าไปอยู่ไหน ข้าติดต่อแบคฮยอนไปก็บอกว่าไม่พบเจ้า เจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้าแล้วหรือ?” ซูโฮรำพึงรำพันกับตัวเองพลางอ่านเอกสารข้างหน้าไปด้วย

    ตอนนี้ราชาแห่งเทพไม่ได้อยู่ในห้องหนังสือตามปกติเพราะเมื่อเลขาของเขากลับจากพักร้อนมาพบเจ้านายกำลังทำหน้า ‘สวรรค์จ๋า ข้าเหนื่อย’ เข้า นางจึงขอให้เขามาทำงานในสวนกุหลาบของวังอีเดนแทน ซึ่งเอาจริงซูโฮเองก็รู้สึกเบื่อห้องหนังสือเช่นกัน มองโต๊ะทีไรก็นึกถึงตอนเซฮุนทำหมึกหกใส่เอกสารแล้วทะเลาะกันจนโกรธ เลยโมโหตัวเองที่พูดไม่ดีออกไปแบบนั้น

    “ข้าเอาเอกสารมาส่งขอรับ” เสียงหนึ่งเรียกสติราชาแห่งเทพให้หลุดจากภวังค์ เจ้าตัวจึงกระแอมไอหนึ่งทีเพื่อรักษาภาพพจน์ จากนั้นก็ตอบรับ
    “วางไว้ตรงหน้าข้า ขอบใจมาก” ซูโฮพยายามตอบเสียงเคร่งขรึมแม้จะติดแหบเพราะเอาแต่คร่ำครวญมาไม่น้อย

    ‘ผู้มาใหม่’ จึงเอาเอกสารที่เตรียมมาไปวางไว้เบื้องหน้าราชาแห่งเทพตามคำสั่ง ทำให้ซูโฮมองเห็นรูปร่างอีกฝ่ายแม้เขาจะก้มอยู่ แต่เดี๋ยวก่อน มือขาวนั่นช่างคุ้นเคยยิ่งนัก อีกทั้งเสียงพูดเมื่อครู่ก็คล้ายกับเสียง... ซูโฮจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมาดู

    “เซฮุน!”

    ราชาแห่งเทพดีใจยิ่งนักที่เจอคนรักเสียที จึงกระโดดขึ้นจากเก้าอี้แล้วทำท่าจะกอดมารด้านหน้า แม้ว่าเมื่อก่อนจะไม่ได้เจอกันบ่อยอยู่แล้ว หลังจากงอนกันไป ไม่ได้เจอหลายวันก็รู้สึกราวกับหลายปี เขาจึงคิดถึงมารมือขวามากๆ

    แต่เซฮุนกลับทำสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะโค้งคำนับหนึ่งที ไม่ยอมให้ซูโฮกอดเขาเสียอย่างนั้น

    ราชาแห่งเทพคว้าได้เพียงลมจึงขยับตัวมาอยู่ตรงหน้า แม้จะต้องกอดอกแก้เก้อ แต่ก็ขอมองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ก่อนจะเอ่ยถามสักหน่อย

    “เจ้ามาหาข้าหรือ เจ้าหายโกรธข้าแล้วใช่ไหม” ตาแป๋วไม่สมกับเป็นราชาแห่งเทพถูกส่งมาเพื่ออ้อน
    “เปล่า ข้ามาเป็นผู้ช่วยของเจ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะยุ่งเฉพาะเรื่องเอกสารและงานของเจ้าเท่านั้น เจ้าสบายใจได้ เพราะข้าจะไม่ยุ่งมากเกินไปอีกแล้ว”

    เซฮุนพูดทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเอาซูโฮอึ้งไปไม่รู้กี่วินาที หลังจากนั้นไม่นาน เซฮุนก็บอกว่ามีธุระต้องไปทำ และจะมาเอาเอกสารในวันพรุ่งนี้

    เล่นเอาซูโฮจนด้วยคำพูด ผู้ช่วยหรือ? เขาจำเป็นต้องมีอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขามีเลขาประจำตัวตั้งหลายลำดับแล้วนี่นา

    “เจ้าค่ะ ท่านพญามารส่งมารเซฮุนอดีตมารมือขวาให้มาเป็นผู้ช่วยของท่านโดยเฉพาะเลย ไม่ชอบหรือเจ้าคะ ให้ส่งคืนไหม”
    “เอ้อ ไม่ต้องๆ ขอบใจเจ้ามาก”
    “ยินดีเจ้าค่ะ”

    ซูโฮส่งเวทสื่อสารไปหาเลขาลำดับสี่ผู้ทำหน้าที่เกี่ยวกับคัดสรรบุคคลเข้ามาทำงาน ซึ่งนางก็ตอบดังที่เซฮุนกล่าว ราชาแห่งเทพถึงกับหมดแรง เพราะอะไรกันเซฮุนถึงทำแบบนี้ บอกว่าจะไม่ยุ่งเรื่องอื่นๆ หมายความว่าอย่างไร จะไม่เป็นคนรักของเขาแล้วหรือ

    ไม่ๆๆๆ เซฮุนยังไม่ได้พูดเสียหน่อยว่าจะไม่เป็นคนรักของเขาแล้ว แม้ว่าด้วยตำแหน่งของซูโฮจะทำให้พวกเขาไม่สามารถบอกใครได้เต็มปากว่ามารอายุพันกว่าปีตนนี้เป็นคนรักของราชาแห่งเทพ แต่บุคคลใกล้ชิดต่างก็รับรู้ความสัมพันธ์นี้มานานแล้ว

    บ้าชะมัด เขาชักอิจฉาพวกชานยอลกับแบคฮยอนที่สามารถเปิดเผยได้เต็มปากว่าเป็นคนรักกันเสียแล้ว

    “เอ๋ พี่ชายส่ายหัวทำไมหรือขอรับ?” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้น
    “น่าจะเริ่มบ้าแล้วน่ะสิ” เสียงสองที่เห็นดีเห็นงามและชอบยุยงเรื่องบ้าๆ ใส่เสียงหนึ่งก็ตามมาติดๆ

    -*-
    ราชาแห่งเทพสงบสติอารมณ์อยู่ลำพังก็พบว่ามารน้อยกับเทวดาเด็กมากวนเขาอีกแล้ว

    “ข้ากำลังเจอเรื่องยุ่ง พวกเจ้าไม่ต้องสนใจหรอก”
    “เรื่องพี่เซฮุนหรือขอรับ เมื่อครู่ข้าเดินสวนกับเขา ยังบอกเลยว่าจะมาหาข้าทุกวันแล้วก็สอนข้าใช้เวทด้วย ยังไม่ได้คืนดีกันหรือขอรับ” แต่จงแดกลับทำสีหน้างุนงง
    “นั่นน่ะสิ เขายังหอมแก้มจงแดจนข้าเกือบจะเอาน้ำแข็งสาดใส่เขาอยู่แล้ว” มารน้อยก็สมทบอย่างน่าหมั่นไส้

    เล่นเอาซูโฮไปไม่ถูก ต่อหน้าเขามารมือขวาซึ่งกลายมาเป็นผู้ช่วยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ทำหน้าเหม็นบูดใส่ แต่ลับหลังดันไปเล่นกับสองคู่ซี้ป่วนวังอีเดนเหมือนเดิมเสียอย่างนั้น นี่แสดงว่ายังงอนเขาอยู่จริงๆ ด้วย

    “ทำอย่างไรดีล่ะ เซฮุนจู่ๆ ก็บอกว่าจะยุ่งแต่งานของข้า แต่จะไม่ยุ่งเรื่องอื่นแล้ว เขายังโกรธข้าอยู่จริงๆ ด้วย” ซูโฮทำหน้าเหนื่อยใจพลางตอบคำถามของจงแดเมื่อครู่

    “อ้าว แล้วพี่ชายทำอย่างที่ข้าบอกหรือยังขอรับ”

    “เอ่อ ยังหรอก” ราชาแห่งเทพตอบไปด้วยความเขินอาย

    “อ๋า วิธีนี้น่ะ ข้าเห็นท่านแม่ง้อท่านพ่อได้ผลมาแล้วนะขอรับ จะไม่ลองหรือ?”
    “ใช่ๆ ไม่ลองหน่อยหรือขอรับ”
    “ลองนะๆ”
    “ใช่ๆ ลองเถอะน้า”

    “โอ๊ยๆ ก็ได้ๆ ถือว่าพวกเจ้าขอหรอกนะ” ซูโฮทนลูกตื้อของเจ้าตัวป่วนไม่ไหว จึงรับปากไปแบบนั้น ทั้งที่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เมื่อเซฮุนมาหาเขา จะทำแบบนั้นได้หรือเปล่าเนี่ย


    (วันรุ่งขึ้น)

    “ข้ามารับเอกสารคืน” เซฮุนกล่าวเสียงเรียบเมื่อมาถึง
    “อยู่ตรงนั้น เดี๋ยวข้าหยิบให้” ซูโฮจึงชี้ไปยังโต๊ะด้านข้าง วันนี้เขามาทำงานที่สวนกุหลาบเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเขาคิดว่าจะลองใช้แผนที่จงแดเสนอดู

    “ไม่เป็นไร ข้าหยิบเอง” เซฮุนเอ่ยตอบด้วยเสียงเรียบ
    “ไม่เป็นไร อ๊ะ!”

    ซูโฮทำท่าจะหยิบเอกสารแต่ก็กลายเป็นว่าพื้นดินปูด้วยหญ้าของสวนไม่ค่อยจะเรียบนัก จึงล้มลงไปคุกเข่าอยู่ด้านล่างจนได้

    “อา เจ็บจังเลย ฮือ” แกล้งทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ เรียกให้เซฮุนชะงักชั่วครู่ แต่ไม่นานจากนั้นอดีตมารมือขวาก็เดินไปหยิบเอกสารบนโต๊ะ แล้วหันมายืนดูซูโฮด้วยสีหน้าเรียบอีกครั้ง

    “เจ้า!” ราชาแห่งเทพเผลอร้องออกมาด้วยความไม่พอใจหนึ่งครั้ง แต่ก็คิดได้ว่าต้องอดทนไว้ จึงได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ้อน “ช่วยข้าหน่อยสิ ข้าลุกไม่ไหว” พร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้ามาร
    “นี่ก็เป็นหน้าที่ผู้ช่วยหรือเปล่า” แต่มารกลับถามพร้อมขมวดคิ้วเสียอย่างนั้น
    “ใช่สิ ใช่ที่สุด ข้าถามเลขามาแล้ว ช่วยหน่อย” เทวดารีบตอบเพราะกลัวโดนอีกฝ่ายเมินเฉยอีก

    เซฮุนจึงยื่นมือไปฉุดให้เทวดาลุกขึ้น แต่เหมือนแรงฉุดจะมากไป ทำให้เทวดาตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดมารหนุ่มเสียอย่างนั้น

    ตึกตัก... ตึกตัก...
    เสียงใจสั่นไม่รู้ว่ามาจากใครกันแน่

    แต่พอจะจับดูหน้าอกมารที่กอดเขาเอาไว้ ซูโฮก็พบว่าโดนผลักออกเสียอย่างนั้น

    “ข้าขอตัวก่อน” เซฮุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ จากนั้นก็เดินออกไปจากสวนอย่างรวดเร็ว

    “โอ่ย เขายังงอนข้าจริงๆ ด้วย” ทิ้งให้ซูโฮบ่นกระปอดกระแปดอย่างโดดเดี่ยวเสียอย่างนั้น

    โดยไม่รู้เลยว่าเสาทางเข้าสวนกุหลาบ มีหลายเงากำลังยืนแอบดูอยู่

    “ท่านแม่ ไม่ได้ผลง่า” เด็กน้อยกล่าวก่อนจะโดนมะเหงกหนึ่งที
    “ก็บอกว่าอย่าเรียกท่านแม่ไงเล่า อืม เซฮุนใจแข็งกว่าที่คิดแฮะ หรือว่าจะติดใจบทเจ้าชายน้ำแข็งเนี่ย”
    “ท่านแม่จะใช้น้ำแข็งหรือขอรับ ข้าช่วยเสกไหม” มารน้อยถามก่อนจะโดนมะเหงกอีกราย
    “นี่ก็ท่านแม่ๆ อยู่ได้ น้ำแข็งหมายถึงเย็นชาต่างหากเล่า เอ้อ ว่าแต่ข้าอยากกินน้ำแข็งไสจัง พวกเราไปครัวกันเถอะ”
    “น้ำแข็งไส เย้ๆ”


    avatar
    noeybaekbd


    จำนวนข้อความ : 31
    Join date : 15/08/2016

    [EXO] dear my lucky one เทวดาที่รัก ChanBaek - Page 2 Empty Dear my lucky one เทวดาที่รัก 28 (special 2) เรื่องของมารมือขวา part2

    ตั้งหัวข้อ by noeybaekbd Mon Oct 10, 2016 10:39 pm

    (วันต่อมา)

    “เอกสารอยู่นี่ขอรับ”
    “เซฮุนอ่า ข้าปวดตัวจังเลย นวดไหล่ให้หน่อย”
    “นี่ก็งานผู้ช่วย?”
    “ใช่สิใช่”
    “งั้นข้าจะไปตามหมอนวดให้”
    “...”


    (วันต่อๆ มา)

    “เซฮุนอ่า เอกสารนี้เจ้าเรียงผิดนะ”
    “ไหนขอดูหน่อย”
    “อืม ผมนุ่มจังเลย ฟื้ดดดด”
    “ถ้าไม่มีอะไรข้าขอลา”
    “ง่า ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจูบผมเจ้า กลับมาก๊อนนนนน”


    (วันแล้ววันเล่า)

    “เซฮุนอ่า เจ้าจะไม่ยกโทษให้ข้าจริงๆ หรือ”
    “เอกสารของเจ้าอยู่นี่”

    “เซฮุนอ่า ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจว่าเจ้ายุ่งเรื่องของข้าเลยนะ”
    “...”

    “เซฮุนอ่า เจ้าเลิกเอาแต่สนใจเอกสารได้แล้ว สนใจข้าบ้างสิ”
    “...”


    (วันนี้แล้ว)

    อดีตมารมือขวาเอาเอกสารไปวางไว้ที่โต๊ะตามปกติ พลางกล่าวเช่นทุกวัน “เอกสารขอรับ” เขากำลังคิดว่าวันนี้ราชาแห่งเทพจะมาไม้ไหนอีก แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายนั่งเงียบเสียอย่างนั้น

    มารหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่กล่าวอีกครั้ง “พรุ่งนี้ข้าจะมาเอาเอกสารคืน”

    แหมะ

    เสียงน้ำหยดลงบนเอกสารที่ซูโฮกำลังมองอยู่ ดังจนรู้สึกได้ว่าไม่ใช่หยดน้ำธรรมดา จากนั้นเสียงแหมะที่สองสามสี่ก็ตามมา พร้อมกับเอฟเฟกต์เสียงสูดน้ำมูกเบาๆ และเสียงกัดฟันเพื่อกลั้นเสียงร้องไห้ของเทวดาตรงหน้าเซฮุนนี้

    “เจ้า...บ้า... ไม่รักข้าแล้วหรือ ทำไมถึงทำเย็นชากับข้าได้ทุกวัน งี่เง่าที่สุด แบคฮยอนเคยบอกว่าท่านตาอย่างข้ามันไม่เอาไหน แต่ในที่สุดข้าก็ได้เจอผู้ที่ข้าชอบและอยากฝากใจไว้...” แม้น้ำตาจะไม่หยุดไหล แต่มือที่กำปากกาของซูโฮนั้นหยุดขีดเขียนไปแล้วเรียบร้อย ก็จะเขียนต่อได้อย่างไรเล่า กระดาษตรงหน้านั้นเปื้อนน้ำตาจนอ่านตัวหนังสือไม่ออกแล้ว


    แต่กระนั้นอดีตมารมือขวาก็ยังไม่ใจอ่อน เขาแอบลอบยิ้มด้วยซ้ำเพราะคิดว่าซูโฮกำลังใช้แผนอ้อนให้ตายใจอย่างที่ใช้กับเขาตั้งแต่วันที่สองนั้น มือมารไม่แม้แต่จะยื่นไปหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาเทวดา แต่ยังยืนกอดอกรอว่าราชาแห่งเทพจะมาไม้ไหนด้วย

    “ขะ...” ซูโฮสะอื้นพลางเงยหน้ามามองเซฮุนด้วยหัวใจที่ปวดร้าวยิ่ง “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะทำได้ถึงเพียงนี้ ข้าขอโทษเจ้าไปไม่รู้กี่รอบเจ้าก็ยังไม่เห็นใจกัน รู้มั้ยกี่วันมาแล้วที่ข้าต้องปวดใจ หนึ่งวันที่ปวดใจมันยังหนักหนากว่าปีนั้นที่เจ้ามาเจอข้าแค่สองครั้งด้วยซ้ำ!”

    น้ำตานองหน้า ตา จมูก ปากแดงก่ำราวกับเด็กน้อยเมื่อผิวสัมผัสอากาศหนาว ท่าทางเทวดาที่ตนรักเป็นเช่นนี้ทำให้เซฮุนปวดใจนัก ปากเขาอ้าเล็กน้อยแต่กลับไม่มีเสียง จึงไม่สามารถกลบประโยคต่อมาของซูโฮได้

    “ต่อไปนี้เจ้าก็ไม่ต้องมาหาข้าแล้ว เพราะยิ่งเจอเจ้าข้าก็ยิ่งรู้สึกผิดและปวดใจ ถ้าอย่างนั้นเราก็กลายเป็นบุคคลแปลกหน้าต่อกันเถอะ!”

    เทวดาพูดด้วยความคับแค้นใจแล้วจากนั้นก็วิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

    เล่นเอาเซฮุนอึ้งไปหลายวินาทีกว่าจะหาสติได้

    แสดงว่าวันนี้ไม่ใช่มารยาอะไรนั่นแต่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ เขาเองที่จริงยกโทษให้ซูโฮมาตั้งนานแล้ว แต่ติดที่ว่าตลกคนรักเมื่อเล่นอะไรไม่สมกับตัวยิ่งทำให้ขำใหญ่ จึงได้ทำเป็นเย็นชาเพื่อจะดูว่าวันต่อไปเทวดาตัวเล็กจะมามุกอะไร นึกไม่ถึงว่าความสนุกประสามารเจ้าชู้ ถึงกับทำให้คนรักร้องไห้และตัดสัมพันธ์เสียอย่างนั้น

    “เดี๋ยวก่อน!” พอสติมาและนึกได้ว่าต้องตามคนรักออกไป เซฮุนจึงวิ่งไปอย่างรวดเร็วทันที



    (ในเงามืด)
    “ท่านแม่ๆ พี่เซฮุนตามพี่ชายไปแล้ว พวกเรารีบตามไปเถอะ”
    “ตามให้โง่สิ เดี๋ยวเซฮุนรู้ว่าพวกเราแอบดู ได้เฉ่งข้าแน่ๆ”
    “งั้นจะทำอย่างไรล่ะขอรับ ข้าห่วงพี่ชายจัง”
    “โอ๊ย เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็พี่ชาย ใช่ซี้ ข้าไม่ได้อยู่เลี้ยงเจ้าที่นี่เพราะถ้าไม่ไปอยู่กับท่านพ่อเจ้าจะโดนงอนนี่นา”
    “อ๊า ท่านแม่ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะขอรับ ข้ารักท่านแม่ที่สุดเลยน้า แต่ท่านแม่น่ะอยู่กับท่านพ่อดีที่สุดแล้ว รอจงแดโตแล้วจะไปอยู่ด้วยนะขอรับ”
    “ท่านแม่ หยุดงอนจงแดก่อนได้ไหมเล่า ถ้าเราไม่ตามท่านลอร์ดมารไปอาจจะคลาดกันนะขอรับ”
    “อย่าใจร้อนซี่ เจ้าว่าใครกันที่รู้จักราชาแห่งเทพดีไปกว่าข้ากันล่ะ”
    “เอ๊ะ งั้นท่านแม่ก็รู้สิขอรับว่าพี่ชายไปไหน”
    “หึ ถ้าเจ้าเคยได้ยินเรื่องวิญญาณคลั่งที่ทะเลสาบรุ่งอรุณล่ะก็ ใครก็เดาได้ทั้งหมดแหละ”

    แบคฮยอนกล่าวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ที่เคยบอกว่าทะเลสาบสายัณห์ของนรกสวยกว่าทะเลสาบของสวรรค์น่ะ เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า


    (ริมทะเลสาบรุ่งอรุณ)

    “ไม่ไหวแล้วโว้ย!!!”

    ซู่มมมมมม

    ซูโฮระเบิดพลังสว่างที่มันอัดอั้นในกายออกไปเป็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ ซัดสาดลงไปยังทะเลสาบซึ่งเคยเงียบสงบให้กลายเป็นดั่งทะเลคลั่ง เพียงไม่นานปริมาณน้ำในทะเลสาบก็ทะลักจนล้นออกมานอกฝั่ง ตรงกันข้ามกับความอัดอั้นตันใจของราชาเทพที่ลดลงเหลือเพียงความน้อยใจเล็กน้อย

    เมื่อพลังถูกใช้จนพอใจแล้ว ซูโฮก็ปล่อยพลังสายหนึ่งเพื่อหยุดทะเลคลั่ง พอผิวน้ำราบเรียบดังเดิมเขาก็นั่งลงบนพื้นหญ้าช้าๆ หยิบหินก้อนเล็กแถวนั้นได้ก็โยนไปยังทะเลสาบราวกับสะกิดบอกสายน้ำให้ฟังเรื่องราวของตนหน่อย

    “เซฮุน เจ้ามารงี่เง่า ข้าอายุกี่พันปียังจำไม่ได้ แต่ดันจำได้ว่าวันแรกที่เราเจอกันคือวันที่แบคฮยอนไปเล่นกับเจ้า รู้รึเปล่าว่าใจข้ามันสั่นไหวเพราะเจ้าตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

    ราชาแห่งเทพโยนหินอีกก้อนแล้วพร่ำต่อ

    “ผ่านมาตั้งสองร้อยปีแล้วตั้งแต่ตอนนั้น แต่ข้าก็ยังจำสีหน้าเป็นห่วงแบคฮยอนของเจ้าได้ ข้าถึงได้หักห้ามใจไม่ให้รู้สึกดีกับเจ้า นึกไม่ถึงว่าร้อยปีต่อมา เจ้าดันมาหาข้าแล้วทำให้ข้าใจสั่นอีก”

    เทวดาร่างเล็กนึกถึงวันที่เขากับมารมือขวาขลุกอยู่แต่ห้องสมุดกันหลายวันเพราะต้องค้นเวทและประวัติการกำเนิดเทวดาเพื่อช่วยแบคฮยอน มีทั้งตนเองซุ่มซ่ามจนโดนเขาดึงไว้ หรือกระทั่งลืมตัวซัดพลังใส่เพราะใจสั่น เขาเองก็งี่เง่าจริงๆ สุดท้ายก็ดันหลงรักมารตนนั้นเข้าจนได้

    “ร้อยปีที่ผ่านมาหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ เจ้าก็อยู่กับข้าตลอดไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้แค่ข้าเผลอพูดว่ายุ่งไปนิดเดียว ถึงกับโกรธข้าจนไม่ยอมยกโทษให้ ข้าทำสารพัดวิธีแล้วนะ กระทั่ง... กระทั่ง...อะ อ่อยเจ้า! ข้าก็กล้าทำเพื่อจะได้ขอโทษเจ้า”

    ใบหน้าสวยมีสีแดงขึ้นเป็นริ้วตามแนวแก้มอิ่ม ยามนึกถึงวิธีที่จงแดตัวแสบบอกมา เด็กน้อยแนะว่าให้ทำตัวน่าสงสารและทำเป็นอ่อยเหยื่อเข้าไว้ สักวันเซฮุนจะเป็นปลาใหญ่มาติดกับเอง ไม่น่าเชื่อว่าวิธีนี้จะมาจากเด็กสิบขวบ แต่พอบอกว่าเคยเห็นแบคฮยอนใช้ เขาก็ว่าน่าจะเป็นไปได้ เจ้าแบคฮยอนพออายุได้ห้าสิบปีก็เริ่มไปอยู่กับสำนักทัวร์แล้ว เขาเองก็รู้ว่าเจ้าหลานตัวดีนี่มารยามากนัก

    นึกไม่ถึงว่าพอตนเองมาลองทำเข้า นอกจากแต่ละวันจะต้องทำตัวหน้าด้านหน้าทนเพื่อง้อคนรักแล้ว ผ่านไปหลายสัปดาห์ นอกจากจะไม่เห็นใจกันสักนิดเซฮุนยังทำสีหน้าเย็นชาใส่เขาอีก ซูโฮรู้สึกอึดอัดไม่ไหวแล้ว ถึงได้มาระบายอารมณ์ที่นี่อย่างไรเล่า

    “ฮ่า!” เทวดาลุกขึ้นยืนเมื่อรู้สึกใจเย็นลง น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะอึดอัดใจหายไปแล้ว แม้จะเหลือความเศร้าแต่เขาเองถูกสอนให้เข้มแข็งมาตลอด ไม่เหนือบ่ากว่าแรงน้ำตาราชาแห่งเทพไม่เคยไหลให้ใครเห็น ถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่ตอนไปช่วยแบคฮยอนเมื่อร้อยปีก่อน เมื่อครู่ก็นับว่าเป็นน้ำตาที่ไหลในรอบร้อยปีนั่นเอง

    ไม่นับว่าที่ร้องไห้หลอกจงแดกับมินซอกในครัวตอนนั้นหรอกนะ นั่นเขาแกล้งใช้พลังสว่างแปลงเป็นน้ำใส่ขอบตาเพื่ออ้อนจงแดต่างหาก ใครให้เด็กน้อยน่ารักขนาดนั้นเล่า

    พอคิดว่าจงแดน่ารัก ซูโฮก็คิดได้ว่าควรไปหาเด็กน้อยเพื่อแกล้งอ้อนเสียหน่อย เขาตัดสัมพันธ์กับเซฮุนแล้ว ต่อไปนี้คงไม่มีอะไรต้องพูดอีก แม้จะเศร้าไม่น้อยเพราะการเป็นคนรักกันมากว่าร้อยปีมันมีอะไรน่าจดจำมากมายเหมือนกัน แต่อีกเดี๋ยวเขาก็คงลืมอย่างเช่นลืมว่าตนเองอายุเท่าไหร่เนี่ยแหละ

    การเป็นราชาแห่งเทพมาหลายพันปีก็ทำให้อะไรๆ ดีเหมือนกัน จะได้ลืมเรื่องที่อยากจำได้โดยง่ายเพราะวันเวลาในบางช่วงชีวิตได้ผ่านไปเนิ่นนานจนเขาจำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว

    คราวนี้ก็คงเหมือนกัน กับอีแค่ร้อยปีในจำนวนหลายพันปีของการเป็นเทวดาตนหนึ่ง เดี๋ยวผ่านไปสักร้อยปีสองร้อยปีก็น่าจะจำไม่ได้แล้ว

    แต่เซฮุนล่ะ อีกร้อยปีสองร้อยปีข้างหน้า ก็จะลืมเลือนเขาเช่นกันหรือเปล่า

    จากวันนี้ไปเซฮุนก็คงจะไม่มาเป็นผู้ช่วยเขาแล้วเพราะโดนไล่ออก อืม น่าจะไปอยู่นรกตามเดิมสินะ เขาเองก็เป็นราชาแห่งเทพของสวรรค์ ก็คงไม่ไปนรกถ้าไม่จำเป็น ดังนั้นอีกแค่ไม่กี่ปีข้างหน้า ก็คงจะลืมกันแล้วล่ะ

    น้ำตาซึมเล็กน้อยเมื่อคิดว่าจะถูกลืม แต่ซูโฮก็อดทนไว้

    “เอาล่ะ ไปหาจงแดดีกว่า!”

    เทวดาหันหลังกลับจะไปวังอีเดน แต่เพียงก้าวเท้าก็ชนกับอะไรแข็งๆ เข้า

    ปึก!

    “อูย” ซูโฮเอามือกุมศีรษะไว้ เขาชนอะไรล่ะเนี่ยทำไมแข็งอย่างนี้ เพราะเมื่อครู่มัวแต่ก้มหน้าเพื่อไม่ให้ใครเห็นน้ำตา ไม่คิดว่าขนาดต้นไม้ก็ไม่เป็นใจ กลับขวางเขาไม่ให้ไปเสียอย่างนั้น

    จู่ๆ สัมผัสที่เอวก็ทำให้ใจตกไปตาตุ่ม แม้ต้นไม้บนสวรรค์มีหลากหลายชนิดกระทั่งต้นไม้ขยับได้ก็ตาม แต่เขาจำไม่เคยได้ว่าอนุมัติให้มีการปลูกต้นไม้ชนิดนี้ในทะเลสาบรุ่งอรุณนี่นา มือเล็กจึงจับเข้าที่กิ่งไม้ดำๆ แต่กลายเป็นว่ากิ่งไม้นั้นรัดเขาไว้แน่นกว่าเดิมอีก เอ๊ะ ว่าแต่ต้นไม้นี่กลิ่มหอมจริงหนอ

    “จะไปไหน” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
    “เอ๋ ต้นไม้ขยับได้ แถมพูดได้ด้วย” ราชาแห่งเทพเอ๋อไปชั่วขณะ ตอนแรกว่าจะใช้เวทไฟมาเผากิ่งไม้นี้เสีย แต่ก็ลังเลเพราะพลังไฟไม่ใช่พลังที่ตนถนัดนัก ถ้าต้นไม้พูดได้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย น่าจะเจรจาได้

    “เจ้าต้นไม้ ปล่อยข้าเถอะนะ” ซูโฮเงยหน้ามาเจรจากับต้นไม้สักหน่อย แต่พอเห็นว่านี่ต้นอะไรก็สบถ “อะ สะ เซฮุน” พร้อมกับเบิกตามองกว้าง

    “ข้าถามว่าจะไปไหน” ต้นไม้ ไม่ใช่สิ มารมือขวาที่เพิ่งโดนปลดจากผู้ช่วยพูดขึ้นอีกครั้ง และเพราะเขากอดราชาแห่งเทพไว้แนบอก อีกฝ่ายเลยหนีไปไหนไม่ได้ จึงก้มหน้าแทน
    “ไปหาจงแด” เสียงที่ส่งออกมาดังกว่าเสียงมดเดินแค่นิดเดียว เซฮุนซึ่งหูดีกว่ามารทั่วไปยังได้ยินไม่ชัด
    “ไปไหนนะ”
    “ไปหาจงแด” คราวนี้เสียงเกือบดังถูกส่งมาพร้อมคำบ่นเป็นชุด “เจ้าจะมาใส่ใจข้าทำไม ข้ากับเจ้าตัดสัมพันธ์กันแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เจ้ากลับนะ...” กำลังจะพูดคำว่ากลับนรกไปเถอะ แต่ก็ถูกทำให้พูดไม่ได้เสียอย่างนั้น

    มารมือขวาเชยคางเทวดาในอ้อมกอดขึ้นมาแล้วกดริมฝีปากตนเองกับของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทั้งดูดดึง กัดเบาๆ รวมถึงใช้ลิ้นร้อนลากเข้าไปในโพรงปากเทวดาตัวเล็กอย่างจาบจ้วง ทำเอาซูโฮเบลอไปหมด ลืมไปเลยว่าตนเองกำลังพูดอะไรหรือจะไปไหนต่อ ร่างเล็กเสียการทรงตัวไปโดยสิ้นเชิงจึงใช้มือซ้ายขวายกขึ้นไปคล้องกับคออีกฝ่ายไว้ รอจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ปากมารกับปากเทวดาจึงได้แยกออกจากกันพร้อมเสียงหอบหายใจ

    “เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นเพราะข้าอยู่ตรงนี้ จะตัดสัมพันธ์ก็ไม่ได้ด้วย จำไว้” คำพูดเย็นชาส่งออกมาจากมารตัวสูง ส่งผลให้เทวดาตัวเล็กหน้าแดงเป็นปื้น จากนั้นก็โวยวายแก้เขิน
    “เจ้า! งี่เง่าที่สุด” ซูโฮนึกคำด่าไม่ออก จึงได้แต่พูดด้วยอารมณ์โมโหกลบเกลื่อน


    “หรือจะให้จูบยืนยันอีกรอบ” แต่เซฮุนกลับไม่สะทกสะท้านคำด่า เพียงแต่ยิ้มมีเลศนัยแล้วเลียริมฝีปากราวกับท้าทาย
    “ไม่ต้องแล้ว หายโกรธก็ไม่บอกกัน งี่เง่าๆๆๆ” มือเล็กทำเป็นกำปั้นทุบอกแกร่งด้วยความขัดใจ แต่ก็โดนจับมือเอาไว้ แล้วก้มหน้ามาอีกรอบ

    ซูโฮอาศัยตอนที่เซฮุนปล่อยตัวเขาแล้วพยายามจับมือเขาแทน ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของมารออกมา จากนั้นก็วิ่งหนีไปอีกฟาก ระหว่างทางก็แลบลิ้นเยาะเย้ยด้วย

    “ข้าจะไปหาจงแด ใครจะอยู่กับเจ้ากัน มารขี้โม้”
    “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าจับได้ เจ้าไม่โดนแค่จูบอย่างเดียวแน่”
    “ไม่หยุดหรอก เจ้านั่นแหละยืนสำนึกผิดเดี๋ยวนี้ โทษฐานทำข้าเสียน้ำตา”
    “ใครใช้ให้เจ้าร้องกันเล่า ข้ายกโทษให้ตั้งนานแล้ว”

    เซฮุนเผลอพูดออกไปแล้วก็ยืนนิ่ง แต่พอกำลังจะหนีบ้างกลับโดนราชาเทพใช้เวทน้ำแข็งทำให้ขาแข็งก้าวไม่ออกเสียอย่างนั้น

    “เจ้าว่าไงนะ เจ้ายกโทษให้ข้าแล้วแต่ไม่ยอมบอกข้าอย่างนั้นหรือ?” ซูโฮสวมบทราชาแห่งเทพตอนซักไซ้นักโทษ ทำเอาเซฮุนอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตายไปซะ
    “เอ่อ ข้าแค่สนใจว่าเจ้าจะมาไม้ไหน”
    “หืม หมายความว่าเจ้ารู้ว่าข้าใช้มารยากับเจ้า เดี๋ยวนะ ทำไมตอนแรกเจ้าถึงมาเป็นผู้ช่วยข้าล่ะ” เวทน้ำแข็งที่ขาเซฮุนถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นอีกนิด และคิ้วราชาแห่งเทพก็ขมวดเป็นปมมากขึ้น
    “เอ่อ แบคฮยอนบอกให้ทำอย่างนี้”

    ชัดเลย เขาโดนหลานตัวเองปั่นหัวรึนี่

    เมื่อได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะความแสบของเจ้าเทวดาน้อยที่เขาอุตส่าห์เลี้ยงดูฟูมฟักมา ซูโฮก็ไม่รอช้า รีบใช้พลังน้ำกวาดใส่พุ่มไม้รอบๆ ทันที

    “แค่กๆ ท่านตา จะฆ่ากันรึอย่างไรขอรับ” เทวดาลัคกี้วันซึ่งหลบอยู่หลังพุ่มไม้สำลักน้ำพร้อมกับกระโดดออกมา โดยข้างๆ มีมารน้อยที่อุ้มเทวดาอายุสิบขวบพลางกางบาร์เรียป้องกันไว้ มองแล้วช่างน่าสมเพช เทวดาอายุสองร้อยปีอย่างแบคฮยอนนี่กางบาร์เรียไม่ทันมารเด็กอายุห้าสิบปีหรือนี่

    ไม่ใช่สิ เป็นเพราะแบคฮยอนกางบาร์เรียป้องกันให้เด็กทั้งสองนั่นแหละ จึงไม่ทันกางให้ตนเองและสำลักน้ำเข้าให้ ซูโฮมองแล้วก็ใจอ่อนเป็นกอง ในที่สุดก็ทำตัวได้สมกับเป็น ‘ท่านแม่’ ของเด็กทั้งสองแล้วสินะ

    “ท่านตา! ท่านคืนดีกับเซฮุนแล้วทำไมต้องโมโหข้าด้วยเล่า”
    “ก็เพราะเจ้าไม่ใช่หรือ เซฮุนถึงได้ทำข้าเสียน้ำตาน่ะ”
    “งี่เง่าน่าท่านตา ข้าน่ะแค่ขอให้ชานยอลปลดเซฮุนแล้วสั่งให้ไปเป็นผู้ช่วยท่านต่างหาก อย่างอื่นข้าไม่เกี่ยวนะ” แบคฮยอนรีบแก้ตัว มือนี่ไขว้ไว้ด้านหลัง ก่อนจะส่งซิกทางสายตาให้มารมือขวาด้วย

    แต่ซูโฮยังไม่วายคาดโทษทางสายตากับเด็กทั้งสาม ส่งผลให้จงแดทำหน้าสงสัยชั่วครู่ จากนั้นก็ทำหน้าโล่งใจตามไปติดๆ

    “เอ๋ พี่ชายกับพี่เซฮุนคืนดีกันแล้วนี่นา เย้!” เด็กน้อยพูดเองเออเองแล้วดีใจกับซูโฮพลางยิ้มให้อย่างจริงใจ ทำให้ราชาแห่งเทพนึกถึงแบคฮยอนตอนเด็กๆ จึงแอบยิ้มออกมาน้อยๆ

    “พี่ชายยิ้มแล้ว” จงแดชี้มาทางเขาทำให้ทั้งแบคฮยอน มินซอกและเซฮุนหันมาดูจนหมด ซูโฮจึงรีบหุบยิ้ม แต่ก็ไม่ทันมารเจ้าเล่ห์ด้านข้าง
    “เจ้าดีขึ้นแล้วใช่ไหม หายงอนข้าแล้วใช่ไหม” มารหนุ่มพูดขึ้นพลางยิ้มบ้างซึ่งใครก็ตามที่เคยเห็นเขายิ้มแบบตาปิดแบบนี้เก้าในสิบรายเป็นต้องขำ ซูโฮเองก็อดขำไม่ได้
    “พรืด! เจ้าเป็นแป๊ะยิ้มไปแล้ว”
    “พี่เซฮุนเป็นแป๊ะยิ้ม ฮ่าๆ”
    “จริงด้วย ฮ่าๆ”

    แม้จะโดนเด็กหัวเราะใส่ แต่มารมือขวาก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เพราะรอยยิ้มของคนรักข้างตัวนั้นมีค่ากว่ามากๆ ตอนที่เขาเห็นอีกฝ่ายเต็มไปด้วยน้ำตา ยอมรับเลยว่าหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มเรียบร้อย แถมพอมาถึงยังเจอทะเลคลั่งเพราะฤทธิ์ราชาแห่งเทพอีก บอกตรงๆ ซุปเปอร์ทอร์นาโดของเขาอาจจะสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นจะไม่ทำให้ซูโฮขัดใจอีกแล้ว

    มือใหญ่ของมารจึงเอื้อมไปกอดเอวอีกฝ่าย จากนั้นก็ส่งสายตาให้แบคฮยอนพา กขค หลบไปได้แล้ว

    “เอ้อ ท่านตา ข้าไปก่อนละนะ มินซอก จงแด ไปกินข้าวกันเถอะ”
    “อ้าว แล้วพี่ชายกับพี่เซฮุนไม่ไปหรือขอรับ” แต่เด็กน้อยดันตอบพาซื่อเสียอย่างนั้น
    “เดี๋ยวเขาก็ตามไปเองแหละน่า”

    จากนั้นแบคฮยอนและสองแสบก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่คู่รักที่เพิ่งคืนดีกันใหม่ๆ

    เซฮุนนั่งลงแล้วอุ้มซูโฮมานั่งบนตักตัวเองจากนั้นก็กอดไว้ แม้จะมีการขัดขืนนิดหน่อยแต่แรงเทวดาตัวเล็กหรือจะสู้มารตัวใหญ่ได้ ทั้งสองเลยนั่งเงียบๆ อย่างนั้น สักพักซูโฮทนไม่ไหวจึงทำลายความเงียบก่อน

    “เซฮุน...”
    “ข้าต้องกลับไปเป็นมารมือขวาตามเดิมแล้วล่ะ เห็นว่าทางชานยอลกำลังยุ่ง อาจจะมาหาเจ้าเป็นระยะ เจ้าอยู่ได้ใช่ไหม” เสียงทุ้มเบาแต่ได้ยินชัดข้างหูทำเอาเศร้าน้อยๆ ซูโฮยกมือที่วางกอดเข่าตัวเองในตอนแรกไปวางไว้บนมือใหญ่ บีบให้กำลังใจอีกฝ่าย จากนั้นก็พูดบ้าง
    “ข้าอยู่ได้น่า เจ้าไปเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอก”
    “อย่าเอาแต่ทำงานแล้วไม่ยอมกินข้าวอีกรู้ไหม”
    “อือ”
    “ถ้าเจ้าดื้อ ข้าจะให้จงแดกับมินซอกไปจัดการเลย”
    “อือ”
    “แต่ถ้าเจ้ายังดื้อดึงอยู่ ข้าจะไปหาเองเลย” ตรงนี้มารมือขวาพูดจบก็หอมแก้มเทวดาตัวเล็กในอ้อมกอดหนึ่งครั้ง
    “อา ข้าชักอยากดื้อเสียแล้วสิ”

    เซฮุนหัวเราะทันทีเมื่อมุกของซูโฮคราวนี้ไม่แป้กเท่าไหร่ จากนั้นเมื่อมองหน้ากันไปสักครู่ จูบวาบหวามก็ส่งให้กันอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะผ่านการทะเลาะกันครั้งใหญ่ แต่มันก็ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น เซฮุนอาจจะไม่ได้เปิดตัวเป็นคนรักของซูโฮ แต่จากที่เขาได้ยินเมื่อครู่ ราชาแห่งเทพจดจำวันเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ดีกว่าอะไรเสียอีก นั่นทำให้เขาไม่ลังเลที่จะรักเทวดาตนนี้ต่อ

    อาจจะไม่ได้บอกใครๆ ว่าเรารักกัน แต่แค่จดจำทุกอย่างได้ มันก็ดีที่สุดแล้ว


    - จบพาร์ทมารมือขวา –



    ตอนนี้ยาวมากกกกกก ทำไมงอนกันยิ่งใหญ่อลังการขนาดเน้
    ฮุนโฮนำหน้าคู่หลักเกินไปแล้วน้า
    ชอบไม่ชอบก็บอกนะจ๊ะ ตอนหน้าเจอคู่มารมือซ้ายมั่ง

    #luckyonecb
    @noeybaekbd

      เวลาขณะนี้ Tue May 07, 2024 10:11 am